จารุพล เรืองสุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ เพื่อชาติ (นี้) ของคนไทย ที่ไม่มีคำว่าเหลื่อมล้ำ

ขอเป็นผู้แทนราษฎร ทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งสำหรับผม ยิ่งใหญ่กว่านายกฯ อีก

นี่คือคำตอบของคำถามสุดท้ายในบทสนทนากับ 1 ใน 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อชาติ นามว่า ร.อ.ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ ตีคู่มากับผู้คร่ำหวอดอย่าง นพ.เรวัต วิศรุตเวช ที่ตัดสินใจโยกย้ายมาจากพรรคเสรีรวมไทย

ยืนยัน การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นผู้รับใช้ประชาชน

“หลายๆ คนลืมไปว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงคือใคร คือประชาชน”

Advertisement

ด้วยวัยเพียง 39 ปี ทั้งในฐานะเลขาธิการ, ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อและแคนดิเดต นายกฯ พรรคเพื่อชาติ ประกาศอาสานำพาประเทศสู่ความก้าวหน้าผ่านนโยบายที่เน้นย้ำทะลวงฟันความเหลื่อมล้ำสู่สังคมเท่าเทียม ภายใต้การนำของ มาดามฮาย-ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรควัยเพียง 31 ปี

ที่จับสลากในวันสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ณ อาคารไอราวัตพัฒนา กทม. 2 ดินแดง ได้เบอร์ 24

เน้นย้ำภาพของกลุ่มคนรุ่นใหม่หลังการ รีแบรนด์ ทุกมิติ ตั้งแต่เปลี่ยนโลโก้พรรค เร่งสปีดสื่อสารฉับไวผ่านเพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อชาติ เปิดเว็บไซต์ phueachart.com ซึ่งเผยแพร่อุดมการณ์ สร้างความหวังและภาคภูมิใจให้ชาติที่มีประชาชนเป็นหัวใจ สลัดคราบพรรคสำรอง พรรคอะไหล่ พร้อมเป็นตัวจริงในสนามเลือกตั้ง

Advertisement

ที่สำคัญคือปรับวิธีคิดและการทำงาน รวมถึงโครงสร้าง นำทีมคนรุ่นใหม่ เสนอแนวคิดใหม่ ร่วมกับผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนจากหลากหลายภาคส่วน

ล่าสุด เพิ่งตั้งโต๊ะแถลงกลางเทศกาลสงกรานต์ เปิดพื้นที่ให้ ‘พรรคเล็ก’ ทั้งหลายซึ่งไม่ได้รับความสนใจจากสื่อ พร้อมปลดป้ายพรรคเพื่อชาติให้ใช้สถานที่ Life policy สุขุมวิท 12 แบบฟรีๆ

“พรรคการเมืองขนาดเล็กไม่มีที่ยืนในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทั้งที่หลายพรรคมีนโยบายที่ดีกว่าพรรคการเมืองใหญ่ด้วยซ้ำ” จารุพลกล่าวในวันนั้น

ย้อนกลับไปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นำทีมเยือนสุโขทัย ชูนโยบายวัฒนธรรมคือขุมสมบัติ นำร่อง ‘เกษตรพลัส’ ยกระดับสร้างรายได้ ลุยร้อยเอ็ด ประกาศทวงศักดิ์ศรีอีสานสร้างชาติ ดันวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่สากล ให้ความสำคัญกับนักดับไฟ โชว์วิสัยทัศน์ แก้ฝุ่น ให้เป็น วาระโลก ไม่ใช่แค่ไทยหรืออาเซียน

“ต้องเริ่มจากเลือกพรรคไม่สยบนายทุน” จารุพลกล่าว พร้อมเล่าโมเมนต์ประทับใจช่วงหาเสียง

“ผมไปลงพื้นที่และปราศรัย พอลงจากเวที เจอคุณป้าอายุมากพอสมควร แกมาลูบหลัง ถามว่า เหนื่อยไหมลูก เป็นโมเม้นต์ที่ผมรู้สึกว่าน้ำตาจะไหล เพราะเขาเหนื่อยกว่าเราเยอะ ชีวิตลำบาก แต่กลับเป็นคนเข้ามาถามว่าเราเหนื่อยไหม เป็นพลังมากๆ มากเลยจริงๆ ที่ทำให้ผมสู้ ไม่ว่าอย่างไรเราก็จะสู้เพื่อคนเหล่านี้”

ถามว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ วันนี้พร้อมไหม ได้คำตอบแบบไม่หยุดคิดแม้เพียงวินาทีว่า

“พร้อมครับ”

จารุพลเกิดในตระกูลเรืองสุวรรณอันมีประวัติศาสตร์ยาวนานทางภาคอีสาน มีศักดิ์เป็น ลื่อ ของ ท้าวทน หรือ พระยาขัตติยะวงศา เจ้าเมืองร้อยเอ็ด

เป็นบุตรชาย พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ

เป็นหลานของ (ลุง) จารุบุตร เรืองสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภา

แต่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นบุตรชาย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

“ใครเคยไปร้อยเอ็ดคงเคยเห็นอนุสาวรีย์ท้าวทนบริเวณวงเวียน ท่านคือคุณเทียดของผมเอง ส่วนคุณทวดแยกมาอยู่มหาสารคาม คุณปู่ย้ายจากมหาสารคามไปขอนแก่น

ปู่สั่งไว้ว่ามีลูกมีหลานให้ขึ้นต้นชื่อด้วย จารุ เลยเป็นภาระนิดหนึ่ง เพราะจะคิดชื่อลูกได้แค่พยางค์เดียว คือพยางค์ท้าย ทุกวันนี้ยังคิดไม่ออกเลยครับ” เล่าจบ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ไม่ถามไม่ได้ว่า สถานะตามบัตรประชาชนคืออะไร ได้คำตอบว่า ‘โสด’

ชีวิตส่วนตัว ก่อนก้าวสู่ถนนสายการเมือง เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกเหนือเวลางาน ชอบอ่านหนังสือ เข้าฟิตเนส เล่นบาสเกตบอล จึงประจักษ์ชัดด้วยรูปร่างสูงโปร่ง เลี้ยงสุนัขชื่อ คุโร่ ที่อุปการะต่อจากครอบครัวที่ถูกพิษโควิดเล่นงาน

“ผมใช้ชีวิตอยู่กับตำราวิชาการเยอะ พอว่าง เน้นอ่านอะไรเบาสมอง นิยาย เรื่องสั้น บทความแนว Heart warming (อบอุ่นหัวใจ)”

ว่าแล้ว ปรับโหมดมาสู่การเมืองเรื่องเลือกตั้งที่เข็มนาฬิกาเดินถอยหลังในทุกวินาที

•พอใจไหมกับเบอร์ 24 กิมมิค ทำงาน 24 ชม. แบ่งกะ คิดไวมาก คิดไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า?

พอใจครับ พอใจมากๆ เพราะ 24 เป็นเลขมงคล จำง่าย คือ 2 โหล ส่วนกิมมิค 24 ชั่วโมง คิดกันสดๆ แต่มันมีความเป็นจริงของพรรคอยู่ด้วย คือเราทำงานกัน 24 ชม. ด้วยความที่มีทั้งคนรุ่นใหม่และผู้มากประสบการณ์ เรื่องตลกที่เรายังแซวกันเองว่าเป็นการทำงานแบบ เป็นกะ จริงๆ เพราะคนรุ่นใหม่อาจจะตื่นสายหน่อย แต่ทำงานจนถึงตี 2 ตี 3 ส่วนผู้ใหญ่นอนเร็ว แต่ตี 3 ตี 4 ท่านตื่นแล้ว เริ่มงาน ส่งไลน์กันโช้งเช้ง เหมือนพรรคทำงาน 24 ชม. พอได้เบอร์ 24 ก็เพอร์เฟ็กต์เลย (ยิ้ม)

•มาดามฮาย หัวหน้าพรรคให้สัมภาษณ์สื่อ ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ คาดหวัง 1 ล้านเสียง 25 ที่นั่ง มั่นใจแค่ไหนถึงความเป็นไปได้?

เป็นเป้าที่ตั้งไว้ แต่ก็เป็นเป้าที่เราค่อนข้างมั่นใจ เพราะมีผู้สมัครหลายๆ เขตในแต่ละจังหวัด ซึ่งแม้ไม่ได้ส่งครบทั้ง 400 เขต แต่เน้นคุณภาพ การคัดและสรรหาคนมาลงสมัคร มั่นใจว่ามีศักยภาพมาก จึงมั่นใจว่าน่าจะได้ถึง 25 ที่นั่ง

•คนรุ่นใหม่หลายคนในพรรคอาจดู หน้าใหม่ แต่จริงๆ แล้ว เป็นคนเบื้องหลัง อยู่ในวงการการเมืองมานาน?

ครับ พรรคเพื่อชาติแม้เป็นหน้าใหม่ทางการเมือง แต่คนในพรรคมีประสบการณ์มานาน อย่างคุณพลอยนภัส โจววณิชย์ รองหัวหน้าพรรค ทำงานการเมืองอยู่เบื้องหลังพรรคใหญ่พรรคหนึ่งมา 10 กว่าปี ผมเองก็เคยช่วยงานในสภาในฐานะนักวิชาการ และอีกหลายๆ ท่านซึ่งประกอบอาชีพอื่นๆ แต่ก็เชื่อมโยงกับวงการการเมืองมาโดยตลอดที่สำคัญ คนของเราเป็นตัวจริงในด้านต่างๆ ทั้งเอสเอ็มอี ไปจนถึงระบบราชการ บุคคลต่างๆ ที่มารวมกันในพรรคเพื่อชาติ ถึงเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง แต่เรียกได้ว่าเป็นตัวเก็ง ตัวเก๋า ตัวจริงของแต่ละวงการที่มาช่วยกันทำงานและออกแบบนโยบาย

•สโลแกนสะดุดหู ‘เพื่อชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า’ จงใจสื่อสารตรงไปตรงมา?

ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่มีกิมมิคลูกเล่นอยู่ในนั้น เราตั้งโจทย์ว่าสิ่งที่เห็นในปัจจุบันโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ รู้สึกเบื่อ ไม่ภาคภูมิใจกับการเป็นคนไทย อยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เลยคิดว่าหัวใจสำคัญคือจะทำอย่างไรให้คนไทยกลับมามีความสุข ภาคภูมิใจกับการเป็นคนไทยให้ได้อีกครั้ง หลายคนพูดถึงขั้นที่ว่า ‘ชาตินี้ไม่ไหวแล้ว รอชาติหน้าแล้วกัน’ เราเลยบอกว่า ‘ชาตินี้แหละครับ ไม่ต้องรอชาติหน้า’ จึงเป็นที่มาของสโลแกน ‘เพื่อชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า’ ซึ่งก็สอดคล้องกับชื่อพรรค

•‘ชาติ’ ในสังคมไทยโดยเฉพาะฝ่ายการเมืองมีนิยามหลากหลาย แล้วคำว่า ชาติในคำว่า เพื่อชาติ ของพรรคเพื่อชาติ คืออะไร?

เราไม่ได้ปิดกั้นในการนิยาม ทุกครั้งที่ทางพรรคจัดกิจกรรมในเรื่องของคำว่าชาติซึ่งเคยทำมาแล้ว 2-3 ครั้ง เปิดโอกาสให้คนทุกแขนงทุกอายุ ทุกอาชีพ ทุกความเชื่อได้นิยามคำว่าชาติของตัวเอง

คำว่าชาติของเราคือความหลากหลาย ความสวยงาม และแน่นอนที่สุด หัวใจของคำว่าชาติ คือประชาชน

•กันยายนนี้ พรรคเพื่อชาติก่อตั้งครบ 10 ปีพอดี ล่าสุด หลังการรีแบรนด์ปรับลุคเปลี่ยนโลโก้ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?

ดีครับ ตอนนี้ได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ จากคนทุกรุ่น สำหรับคนรุ่นใหม่ เรานิยามจากความคิดที่ทันสมัย กล้าเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นจึงได้รับการตอบรับทั้งจากผู้อาวุโส แต่มีความคิดทันสมัย ซึ่งเรานับเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด พรรคเราผสมผสานมาก

•แคนดิเดตนายกฯอีกท่านของพรรค นพ.เรวัต วิศรุตเวช ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง?

คุยกันตลอด ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมากๆ เป็นนักการเมืองที่เก๋าเกม มีความรู้เยอะ มีประสบการณ์ดีๆ มาเล่าให้ฟัง ท่านเป็นตัวอย่างหนึ่งของคำว่า คนรุ่นใหม่ เพราะมีแนวคิดที่รุ่นใหม่มากๆ ในการทำงาน มีการระดมสมอง หาข้อมูล ถกเถียง เราเรียนรู้จากท่านเยอะมาก

•หลายคนกล่าวขวัญว่านโยบายพรรคเพื่อชาติ ดีมาก แข็งมาก ในเชิงปฏิบัติมั่นใจว่าทำได้จริงตามที่ประกาศหรือไม่?

เชื่อครับ เชื่อแน่นอนว่าทำได้จริง 100% เพราะถ้ามองลึกลงไป แทบไม่มีนโยบายที่ใช้งบประมาณมหาศาลเลย ส่วนใหญ่ใช้นวัตกรรมทางความคิดมากกว่า เช่น การปรับเปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบในการทำงาน จึงมั่นใจว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล เราสามารถทำตามนโยบายได้ทันที นอกจากนั้นเป็นการปรับแก้กฎระเบียบ กฎหมาย ซึ่งอาจใช้เวลาสักนิดหนึ่ง

•พรรคใหญ่ มีภาพจำค่อนข้างชัดเจนด้านแนวนโยบาย บางพรรค เด่นด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง บางพรรค รื้อโครงสร้าง ดันรัฐสวัสดิการ บางพรรค มุ่งก้าวข้ามความขัดแย้ง เมื่อพูดถึงพรรคเพื่อชาติ ต้องนึกถึงอะไร?

หัวใจหลักที่สุด คือ การต่อสู้กับความไม่เท่าเทียม ถามว่าอะไรนำไปสู่ความไม่เท่าเทียม คำตอบคือ การผูกขาด ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งทำให้คนไทยจำนวนมากไม่ได้รับโอกาส พรรคเพื่อชาติจึงมุ่งเน้นไปที่นโยบายการศึกษาซึ่งเป็นตัวที่เราชูมากที่สุด เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเนื่องจากเป็นหัวใจของการแก้ปัญหา

ถ้าได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม จะมีโอกาสในชีวิตมากขึ้น ความเหลื่อมล้ำจะลดลง คนไทยที่มีศักยภาพความรู้ความสามารถเหล่านี้จะช่วยพัฒนาประเทศ ช่วยผลักดันประชาธิปไตย ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมต่างๆ

•จากนโยบายการศึกษาที่กล่าวมา จะดำเนินการเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง?

อันดับแรก บ้านเราเป็นที่รู้กันดีว่า แม้กฎหมายบอกเรียนฟรี แต่ในความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะยังมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก คนในเมืองที่มีฐานะ ไม่ใช่เรื่องลำบาก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือพี่น้องที่อยู่ห่างไกล หรือมีฐานะที่ติดขัดเรื่องต้นทุน เพราะฉะนั้นอันดับแรกที่ต้องทำให้ได้คือ การทำให้คนได้เรียนฟรีจริงๆ และการกู้เงินเรียนต้องไม่มีดอกเบี้ย

พรรคเพื่อชาติจะทำให้เกิดการศึกษาแบบทุกที่ทุกเวลา โดยใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เรามีอินเตอร์เน็ต มีสมาร์ทโฟน อย่างแรกต้องทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้สำเร็จ อินเตอร์เน็ตต้องกระจายไปในพื้นที่ห่างไกลทุกภูมิภาค หลังจากนั้นสร้างแพลตฟอร์มที่ประชาชนสามารถศึกษาหาความรู้ได้ ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์ที่ว่า ชีวิตฉันยากจน ต้องต่อสู้ ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย อาจไม่เหมาะในการเข้าเรียนในระบบ ตรงนี้จะตอบโจทย์ให้คนไทยทั้งประเทศ รวมถึงคนที่อยากหาความรู้เพิ่มเติม อยากเปลี่ยนสายอาชีพ หรืออยากมีงานที่ 2 ก็สามารถทำได้

เรื่องของอาชีวะ เราก็ไม่ทิ้ง เพราะเป็นพลังสำคัญของชาติ เราจะพัฒนาหลักสูตรให้ตรงตามความต้องการของตลาด และปรับเงินเดือนขั้นต่ำให้เท่ากับปริญญาตรี สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการผลักดันเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะถ้ามีศักยภาพด้านภาษาด้วยจะสามารถไปได้ไกลมาก

สิ่งสุดท้ายที่สำคัญมาก คืออยากให้เด็กไทยเรียนรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่แรกเกิด หลายคนไม่รู้ว่ากระบวนการเรียนรู้ทางภาษา เริ่มที่หูฟัง สมองประมวลผล ส่งมาที่ปาก แต่บ้านเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอน ป.1 โดยที่ครูเขียนบนกระดาน ซึ่งเป็นเรียนภาษาที่ผิดกายภาพ สมองมนุษย์พัฒนามากที่สุดในช่วง 0-6 ขวบแรก แต่เราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอน 6 ขวบ ซึ่งค่อนข้างช้าสำหรับการพัฒนาสัญชาตญาณ มิหนำซ้ำยังเรียนภาษาด้วยลูกตาอีกต่างหาก

คนมีฐานะ สามารถส่งลูกเรียน ร.ร.นานาชาติได้ ซื้อของเล่นที่ช่วยพัฒนาทักษะของเด็กเล็กๆ ได้ แต่คนยากคนจนไม่มีโอกาสเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ พรรคเพื่อชาติจึงมีแนวคิดเกี่ยวกับของขวัญวันเกิดให้เด็กไทยทุกคนที่เกิดใหม่ โดยรัฐมอบของเล่นหรือเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ฝึกทักษะการฟังภาษาปูพื้นตั้งแต่แรกเกิด

•จากวันนี้ถึง 14 พฤษภาคม วันเข้าคูหา เหลือเวลาไม่กี่สัปดาห์ ทันไหม ในการหาเสียงซื้อใจเผยแพร่นโยบาย?

ทันครับ ทันแน่นอน เราดำเนินการทั้งในส่วนของการนำเสนอนโยบายและการพบปะพี่น้องประชาชน เรื่องนโยบาย มั่นใจอยู่แล้วว่าดีมากๆ วันนี้เราใช้ทุกช่องทางในการสื่อสาร ที่เน้นมากคือการลงพื้นที่ไปพบ เพราะเป็นการได้พูดคุยกับพ่อแม่พี่น้อง คุณลุงคุณป้า ครอบครัวใหญ่ การสื่อสารแบบนี้ เราสามารถทั้งเล่าและทั้งฟังไปได้พร้อมๆ กัน ซึ่งมีประโยชน์กว่าการสื่อสารทางเดียว

•การเกาะเกี่ยวฐานเสียงเดิม กับการเสาะหาฐานเสียงใหม่ แนวทางเป็นอย่างไร ฐานที่มั่นปักธง คือ?

ทั้งประเทศครับ เราไม่ได้เน้นว่าจะเป็นพรรคภูมิภาค แต่จะเป็นพรรคของไทยทั้งประเทศ ในส่วนของเชียงราย ของภาคเหนือ แน่นอนว่ายังมีฐานเดิมอยู่ แต่ขยายฐานออกไปยังภาคอื่นๆ ด้วย จะเห็นว่าพรรคเพื่อชาติส่งผู้สมัครทางภาคใต้เยอะมาก นี่ก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแนวทางที่ทำมามีผู้คนตอบรับจำนวนมาก

ภาคใต้ เรียกได้ว่า เป็นภาคที่เราไม่มีฐานเสียงมาก่อน ถึงจะมีก็น้อย แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าได้รับความสนใจอย่างมากจากพี่น้องชาวใต้ มีผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา ต้องการเป็นผู้สมัคร เพราะเชื่อในแนวทางของเรา

•พื้นที่ที่มั่นใจมากที่สุดในเวลานี้?

มั่นใจทั้งประเทศ (ยิ้ม) เพราะคนที่พรรคเลือกมาเป็นผู้สมัคร ผ่านการคัดอย่างเข้มข้นมากๆ การที่ไม่ส่งครบ 400 เขตไม่ใช่ว่าส่งไม่ได้ แต่เราต้องการเน้นคุณภาพจริงๆ อันดับ 1 คือความเชื่อร่วมกัน ซึ่งสำคัญที่สุด ถ้าจุดยืนไม่ตรงกัน อยู่ด้วยกันไปก็มีปัญหา ถ้าตรงกัน ถึงไหนถึงกัน ผู้สมัครของเราเป็นตัวจริงทุกคน จุดยืนตรงกันคือ ขออยู่เคียงข้างคนยากคนจน และต้องทำให้ประเทศไทยมีความเท่าเทียมให้ได้

•เขต 1 กทม. โดดเด่นมาก เบอร์ 3 วรัญชัย โชคชนะ เส้นทางเชื่อมโยงมา
บรรจบกันได้อย่างไร?

ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องนี้ สนุกมาก อย่างที่หลายคนบอกว่าท่านวรัญชัยเป็นตัวตึงทางการเมือง สิ่งที่น่าสนใจและน่าเศร้าไปพร้อมๆ กัน คือหลายคนดูถูก มองเป็นตัวตลก บางคนบูลลี่ ทั้งที่ท่านเป็นคนมีอุดมการณ์ เคยไปคุยหลายพรรคการเมืองแต่ถูกปฏิเสธ เหตุผลเดาไม่ยาก แต่เรามองอีกมุมหนึ่ง

วันที่พรรคจัดงานที่ตึกวรรณสรณ์ ท่านเดินทางมา เราได้เจอกันและพูดคุยกัน สิ่งที่พรรคเพื่อชาติมองเห็น คือ ท่านเป็นสมบัติที่มีค่าของฝ่ายประชาธิปไตย ลงสมัคร ส.ส. ลงสมัครผู้ว่าฯ มาไม่รู้กี่ครั้ง แพ้ แต่ไม่เคยยอม
แพ้ ยังคงสู้อยู่ ยังไปร่วมกิจกรรมทางการเมือง ไปม็อบ ทั้งที่ไม่ได้อะไร

หลายคนบอกว่า หิวแสง เราก็มองว่าท่านหิวแสง แต่หิวแสงประชาธิปไตย สิ่งที่น่าเคารพที่สุด คือ การต่อสู้ทางการเมืองมา 30 กว่าปี ไปทุกม็อบ ยกเว้นม็อบฝั่งที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย

ท่านบอกว่า อยากลองครั้งสุดท้ายในชีวิต เราเลยโอเค ด้วยแนวทางของพรรคที่ต้องการทำให้คนเท่าเทียม และให้โอกาส จึงยินดีต้อนรับ

ถ้าได้รู้จัก จะรู้ว่าฉลาดและความรู้ทางการเมืองเยอะมาก ประสบการณ์เยอะมาก ถ้าเข้าสภาได้ รับรองเลยว่าเป็นดาวสภาแน่นอน

•จากบทบาทอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ทุ่มเทให้นักศึกษา อยู่กับตำราวิชาการ สู่นักการเมืองที่ต้องทุ่มเทให้ประชาชน อยู่กับนโยบายในการพัฒนาประเทศ ปรับตัวเยอะไหม เหมือนและต่างกันอย่างไร?

สิ่งที่แตกต่างกันคงเป็นเรื่องการใช้ความคิด ตอนเป็นอาจารย์ เราสอนตามหลักการสากลไม่เติมสีใส่ไข่ ให้นักศึกษาคิดเอง แต่พอมาเป็นนักการเมือง ในการออกแบบนโยบาย เราต้องประยุกต์หลักวิชาการมาคิดนอกกรอบอีกที เพื่อให้ได้แนวทางและนโยบาย แต่สิ่งที่ต่างกันชัดเจนคือ สมัยเป็นนักวิชาการ สิ่งที่ทำได้คือเราคิด เราหาทางออกให้ประเทศชาติ เราเสนอแนะ เวลาเขาไม่ฟังบางทีเราก็บ่นบ้าง แต่จบแค่นั้น เขาจะเอาไปทำต่อหรือไม่ ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ แต่การเป็นนักการเมือง ผมเชื่อว่าอย่างน้อยถ้าเราอยู่ตรงนี้ก็สามารถทำเองได้ในสิ่งที่คิด

•ถามในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในฐานะนักการเมือง ความมุ่งหวังในชาตินี้ของตัวเอง คืออะไร?

ส่วนตัวก็ยังฝันอยากเห็นประเทศไทยเจริญไปข้างหน้าในรูปแบบที่ทุกคนได้รับโอกาสเท่าเทียม มีสิ่งหนึ่งที่ติดใจอยู่ตลอด คือ บ้านเมืองเรา ถ้าไม่มีเส้นสาย โอกาสมันก็หาย หลายคนก็คงเคยตั้งคำถามว่า ถ้าไม่มีเส้น ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ไม่มีโอกาสใช่ไหม ผมอยากเห็นประเทศไทยเปิดโอกาสให้คนทุกคน 1.โอกาสในการพัฒนาตัวเองด้านการศึกษา 2.โอกาสพัฒนาตัวเองด้านการทำงาน ทุกคนอยากประสบความสำเร็จ แต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะมีปัญหาเรื่องการผูกขาด กฎหมายไม่เป็นธรรม เอื้อประโยชน์กับคนบางกลุ่ม วันนี้ ต่อให้เป็นชนชั้นกลางที่ได้รับการศึกษาที่ดี มีธุรกิจของตัวเอง แต่จะโตไปถึงจุดสูงสุดก็ยากด้วยคนที่อยู่สูงกว่า นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อชาติต้องการแก้ให้ได้ ถ้าไขกุญแจปลดล็อกตรงนี้ได้ ทุกอย่างจะตามมา

ผมไม่คิดอะไรมาก ขอเป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งสำหรับผม ยิ่งใหญ่กว่านายกฯอีก ได้ทำงานเพื่อประชาชน มีครอบครัวอบอุ่น มีหมา 1 ตัว พอแล้วครับ (ยิ้ม)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image