วิวาทะระหว่างบรรทัด ‘สภา กทม.’ ก่อนไฟเขียวตั้งกรรมการวิสามัญ สอบโปรเจ็กต์ยักษ์ หลัง ‘สะพานถล่ม’

วิวาทะระหว่างบรรทัด ‘สภา กทม.’ ก่อนไฟเขียวตั้งกรรมการวิสามัญ สอบโปรเจ็กต์ยักษ์ หลัง ‘สะพานถล่ม’

วิวาทะระหว่างบรรทัด ‘สภา กทม.’ ก่อนไฟเขียวตั้งกรรมการวิสามัญ
สอบโปรเจ็กต์ยักษ์ หลัง ‘สะพานถล่ม’

ถือเป็นการประชุมสภากรุงเทพมหานครที่อยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันทันด่วนพอดิบพอดี

จากกรณีทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง ที่พังครืนลงมาคร่า 2 ชีวิต ทั้งยังส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บระนาว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

กระทั่ง 12 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ชั้น 2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ดินแดง สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา หรือ ดร.จอห์น ส.ก.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติด่วน ขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาตรวจสอบโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานครเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

Advertisement

สุดท้าย จบลงด้วยการที่สภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบกับญัตตินี้ และให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ จำนวน 17 คน กำหนดระยะเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จ 90 วัน

อย่างไรก็ตาม วาทะระหว่างบรรทัดระหว่างการถกเถียง มีรายละเอียดน่าสนใจในมุมมองหลากหลายที่ต้องชวนไปย้อนฟัง

สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา หรือ ดร.จอห์น ส.ก.เขตลาดกระบัง

ไม่ได้สร้างดาวเทียม แค่สร้างสะพาน ยังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ
ดร.จอห์น ส.ก.ลาดกระบัง กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย

Advertisement

“เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรก ถามว่าเราเคยศึกษาถอดบทเรียนหรือมี Case Study หรือไม่ ที่ผ่านมาสภาได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญหลายคณะ เนื่องจากมีปัญหาหมักหมมมานาน คณะนี้จะศึกษาเชิงลึก วิเคราะห์ แยกแยะ ถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ กทม.เราจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาเพื่อร่วมกันทำงาน ทั้งโครงการสะพานยกระดับถนนอ่อนนนุช-ลาดกระบัง และโครงการอื่นๆ หลังเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในพื้นที่เขตลาดกระบัง เป็นโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ซึ่งมีทั้งโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลบางนา วชิรพยาบาล โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ และโครงการของสำนักการระบายน้ำ โดยสามารถเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมให้ข้อมูล เพื่อให้ได้ผลการศึกษา เป็นการถอดบทเรียน เพื่อเป็นผลงานของสภากรุงเทพมหานครในการดูแลพี่น้องประชาชน”

ดร.จอห์นย้อนเล่าด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เคยตั้งกระทู้ถามสดในเรื่องสะพานแห่งนี้มาแล้ว ในขณะนั้นผลงานติดลบกว่า 40% การทำงานในเวลากลางคืนไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สน.ในพื้นที่ไม่ทราบความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อสอบถามไปยังเขตลาดกระบังก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ เมื่อครั้งผู้ว่าฯมาสัญจรที่เขตและลงพื้นที่ได้กำชับทุกหน่วยงานดูแลปัญหาฝุ่นละออง การจราจรและปัญหาทั้งหมด

“สิ่งที่ประชาชนฝากมาถามคือ 1.ขอให้ กทม.เร่งตรวจสอบเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ โดยในพื้นที่ลาดกระบังมีทั้งโครงการทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง โรงพยาบาลลาดกระบัง อาคารสำนักงานเขตลาดกระบังแห่งใหม่ ขอให้ กทม.เร่งตรวจสอบอาคารเหล่านี้ และขอถามทาง กทม.ว่าได้ทำ Root Cause Analysis หรือไม่ ทราบสาเหตุการถล่มของสะพานแล้วหรือยัง ทั้งนี้ การเกิดเหตุแบบนี้ต้องปิดสถานที่ทั้งหมดและให้หน่วยงานกลางที่ไม่ขึ้นกับ กทม.เข้ามาตรวจสอบ แต่ปัจจุบันพบว่าได้มีการตัดเหล็กออกเป็นชิ้นเพื่อเคลื่อนย้ายออกจากหน้างานแล้ว มีการเคลื่อนคอนกรีตเพื่อเปิดการจราจรในวันศุกร์นี้ (14 ก.ค.) 2.คำถามเรื่องของการเร่งเยียวยาผู้ประสบเหตุ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ สอบถามว่าบริษัทนี้มีการทำประกันไว้หรือไม่ เนื่องจากหากต้องรอเงินช่วยเหลือจากภาครัฐต้องใช้เวลานานมาก 3.คำถามสุดท้าย กทม.มีการตรวจสอบคุณภาพผู้รับเหมาหรือไม่ เนื่องจากผู้รับเหมารายนี้เป็นกิจการค้าร่วมทุน มีประสบการณ์ทำงานอย่างไรบ้าง เป็นคำถามที่ กทม.ต้องหาคำตอบ จริงๆ แล้วตามหลักสากลเมื่อเกิดเหตุต้องมีวิศวกรภายนอกมาตรวจสอบหน้างานเพื่อตรวจสอบสาเหตุ ด้วยเหตุทั้งหมดนี้จึงจำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษา” ส.ก.ลาดกระบังกล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น ยังย้ำว่า คุณภาพของผู้รับเหมาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุสะเทือนขวัญมาก เราไม่ได้ทำดาวเทียมไปนอกโลก เราทำแค่ทางยกระดับที่ กทม.ทำมาหลายครั้งแล้ว ที่สำคัญคือนายช่างเบอร์หนึ่งคือหน่วยงานของ กทม.หรือสำนักการโยธา ต่อไปผู้รับเหมาต้องหาที่มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ หากต้องเร่งงานมาตรฐานก็ต้องสูงขึ้นด้วย

ลุกแย้ง ‘ก้าวก่าย’ สุดท้ายเจอสวน ‘ไม่ดีหรือที่ช่วยกัน?’
ด้าน พีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท ลุกค้าน โดยกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับญัตติที่เสนอ เพราะการศึกษาวิสามัญ ต้องมีการตั้งเฉพาะเรื่อง แต่ในกรณีของท่านสุรจิตต์ เป็นการศึกษาโครงการขนาดใหญ่ทั้ง กทม. ซึ่งเป็นการก้าวก่ายการทำงานของคณะกรรมการโยธาและผังเมือง ถ้าดูในข้อบังคับการประชุมมันผิดมารยาทในการทำงาน เป็นการก้าวก่ายการทำงานของคณะโยธา

“ในกรณีนี้ไม่น่าจะเป็นญัตติในการตั้งกรรมการวิสามัญ ถ้ากรณีผมเป็นกรรมการสามัญคณะโยธาหรือสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของสำนักแพทย์ จะทำเช่นนั้นก็ไม่ได้ โครงการขนาดใหญ่ใน กทม.เป็นโครงการของโยธาทั้งนั้น ถ้าจะตั้งการตรวจสอบ ท่านต้องตั้งเฉพาะเรื่อง อย่างนี้เป็นการตั้งกว้างเกินไป

“กรณีเช่นนี้ ถ้าท่านจะตั้งให้ตรวจสอบเฉพาะสะพานลาดกระบัง ผมเห็นด้วย แล้วมาทำงานร่วมกันได้ แต่ในกรณีตั้งภาพรวมตรวจสอบทั้ง กทม. ผมไม่เห็นด้วย และเป็นการก้าวก่ายการทำงานของคณะกรรมการคณะโยธาและผังเมือง” พีรพลแย้ง

ด้าน ดร.จอห์น สวนทันควันว่า ระบุชัดเจนว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ กทม. อย่าคิดเรื่องการก้าวก่าย เราทำงานร่วมกัน เหมือนวิสามัญทุกๆ ครั้งที่เราตั้ง ไม่ว่าจะเป็นหมาแมวจรจัด ถามว่าก้าวก่ายสำนักอนามัยหรือไม่ ถ้าคิดเช่นนี้ก็เป็นการก้าวก่าย การศึกษาเรื่องรถอีวีเป็นการก้าวก่ายสำนักจราจรและขนส่ง สำนักสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ทุกอย่างอยู่ในข้อบังคับการประชุม ระบุชัดเจนว่าไม่ได้ตรวจสอบทุกโครงการของ กทม.

“เพราะมันเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น เมื่อสมาชิกพูดว่าอย่างนี้ตรวจสอบสำนักการแพทย์ คุณจะไปตรวจสอบอะไรเขา แต่โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ เมกะโปรเจ็กต์เกิดขึ้นในพื้นที่ของผม และจะมีอีกหลายโครงการเกิดขึ้นใน กทม. เช่น โรงพยาบาลบางนา โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ หรือของสำนักการระบายน้ำ

“มันไม่ดีหรือที่เรามาช่วยกันศึกษาให้ลึก เจาะจง การตั้งวิสามัญสามารถเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงเข้ามา สุดท้ายผลการศึกษาเป็นการถอดบทเรียนก็กลับมาที่คณะของท่าน ผมไม่ได้เอาไปตีกินผลงาน หรือคนที่อยู่ในคณะจะบอกว่าเป็นผลงานของตัวเอง มันเป็นผลงานของสภากรุงเทพมหานคร ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง”

จากนั้น วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก ได้แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยกับ ส.ก.ลาดกระบัง เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นมันมีความสูญเสีย มีคำถามจากประชาชนกลับมาหาเราว่าเราจะต้องรอให้มันเกิดอีก หรือเราจะทำงานเชิงรุก เพราะตอนนี้ใจความสำคัญคือเรื่องการทำงานแข่งกับเวลา

“มันเหมือนเป็นระเบิดเวลาที่นับเวลาถอยหลังไปเรื่อยๆ การที่เสนอตั้งวิสามัญเรื่องนี้ขึ้นมา ผมมองว่ามันเป็นการช่วยกันทำงาน ถามว่าสำนักโยธาสามารถทำหน้าที่ดูแลได้ 100% หรือไม่ ท่านกล้าตอบหรือไม่ว่าทำได้ 100% ฉะนั้น วันนี้มันไม่ใช่เรื่องก้าวก่าย มันคือการช่วยกัน” วิพุธกล่าว

ไม่ได้ค้าน แต่หวั่นกรรมการ ‘วิสามัญ’ ล้นสภา กทม.
ด้าน วิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ กล่าวว่า มิได้ปฏิเสธญัตตินี้ เห็นถึงความเดือดร้อนและเหตุผลของการที่จะต้องศึกษา แต่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมานั้น เรามีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาเยอะมาก เยอะจนกระทั่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครไม่มีเวลา หรือทางฝ่ายบริหารเองก็แทบจะไม่มีเวลามาชี้แจงในคณะกรรมาธิการ แล้วไหนจะต้องมีอนุกรรมการลงไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ของคระกรรมการนั้นๆ อีก

“ผมไม่ได้คัดค้านการตั้งคณะกรรมการวิสามัญในเรื่องนี้ แต่ในสัปดาห์นี้ เราจะมีการตั้งกรรมการวิสามัญอีกไม่ต่ำกว่า 2 หรือ 3 กรรมาธิการ ผมกล้าพูดเลยว่า บางครั้งผมอาจจะไม่ได้มาประชุมคณะกรรมการ เพราะต้องลงพื้นที่ไปหาข้อเท็จจริง หาปัญหา เพื่อนำมาเสนอต่อสภา ขนาดสภาเราเปิดมา 1 ปี วิสามัญบางชุดยังศึกษากันไม่จบตามเวลา แล้วยังจะตั้งกันขึ้นมาอีก อีก 3-4 ปีข้างหน้าวิสามัญไม่ล้นสภาหรือ” วิรัชตั้งคำถาม

สุทธิชัย วีรกุลสุนทร หรือเฮียล้าน ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จริงร่วมกับคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง ซึ่งได้เคยอภิปรายเรื่องความล่าช้าของโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ตั้งแต่เป็น ส.ก.มายังไม่เคยเห็นโครงการขนาดใหญ่ถล่มแบบนี้มาก่อน ต้องถามคณะกรรมการตรวจรับได้ดูแลใกล้ชิดหรือไม่ และ กทม.ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อหารถเครนสำหรับใช้ในกรณีเช่นนี้หรือไม่ มีการจ้างที่ปรึกษาโครงการนี้หรือไม่ รวมถึงระเบียบการจ่ายเงินเยียวยาต่างๆ ที่มีมานาน ตัวเงินที่ให้มีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับปัจจุบันนี้ จึงอยากให้มีการปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินเยียวยาให้มากขึ้น

จากนั้นได้มี ส.ก.ร่วมอภิปรายเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการก่อสร้าง การเตรียมพร้อมกรณีอุบัติภัยอื่นในอนาคต และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

ต้องมีคนรับผิดชอบ! หาสาเหตุอย่างระวัง เน้นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลาง

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า จากการสอบถามพบว่าผู้รับเหมาขอเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลทางวิศวกรรม วิธีนี้เป็นวิธีการที่ใช้อยู่อย่างทั่วไป เนื่องจากเรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เราต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร หาด้วยความระมัดระวังโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางเพราะอาจมีผลทางคดี เรื่องรถเครน ผู้รับจ้างต้องดำเนินการเพราะคนขับรถเครนต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ในส่วนของ กทม.จะดูแลผู้ประสบภัยและดูแลการกู้ชีพ หาก กทม.มีรถเครนเองต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการขับ อย่างไรก็ดี จะรับข้อสังเกตของ ส.ก.เกี่ยวกับการจัดหารถเครนต่อไป และเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายให้มากขึ้น ซึ่งยินดีรับข้อสังเกตของ ส.ก.ไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนด้วย และการตั้งคณะกรรมการวิสามัญจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุอาจมีคำถามว่าทำไมล่าช้า ตามกระบวนการมีผู้ตรวจสอบอิสระจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) มาลงพื้นที่ในคืนนั้นเลยเพื่อประเมินสถานการณ์ และตรวจสอบความปลอดภัยในการเข้าพื้นที่ การเคลื่อนซากต่างๆ Launcher ที่ทำเลยเพราะผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นแล้วว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงต้องเคลื่อนออกเพื่อเปิดพื้นที่ให้ Investigator เข้าพื้นที่ได้ ซึ่งสาเหตุการเกิดเหตุขอให้รอ วสท.เป็นผู้ระบุ

ขณะที่ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงมาตรการเยียวยาในขณะนี้ว่า ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องระเบียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ของ กทม. จะมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายผู้เสียชีวิต ค่าจัดการศพ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ค่าปลอบขวัญ ค่าเสียหายสำหรับสถานประกอบการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีกองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัย และตัวแทนบริษัทประกันภัยของผู้รับเหมาได้เริ่มให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าบ้านแล้ว

“อย่างไรก็ตาม ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ระเบียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ พบว่าเป็นจำนวนที่น้อยจริงๆ และข้อบัญญัติยังใช้เป็นระยะเวลานานแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อบัญญัติและจะจัดส่งเพื่อให้สภาพิจารณาความเหมาะสมต่อไป สำหรับการลงทะเบียนผู้เสียหายนั้น ได้พบผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว โดยมีผู้จดแจ้งความเสียหายแล้ว 22 ราย ซึ่งเขตจะรับรองตามเงื่อนไข ในส่วนการเบิกจ่ายค่าเสียหายจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด สำหรับอัตราที่บริษัทจะจ่ายขณะนี้ทราบเพียงค่าเช่าบ้านหลังละ 8,000 บาท แต่จะติดตามรายละเอียดให้ครบถ้วนต่อไป” รองผู้ว่าฯทวิดากล่าว

ท่ามกลางความเศร้าสลดใจ ยังมีปัญหาต้องป้องกันแก้ไข ไม่ให้เกิดซ้ำรอย

ทีมข่าวเฉพาะกิจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image