ที่มา | คอลัมน์ จิปาถะ |
---|---|
ผู้เขียน | ส.พลายน้อย |
ถึงแม้ว่าสะพานหินที่ท้าวหุนละมานสร้างจะสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินคาดก็จริง แต่ก็ดูเหมือนช้าเพราะยังไม่ทันที่พระรามจะเคลื่อนทัพ สะพานหินก็พังลงแห่งหนึ่งนับว่าเป็นโชคดีของหนุมานที่สะพานไม่พังขณะเคลื่อนทัพ เพราะทราบเสียก่อนถือเป็นความรอบคอบของคณะจัดสร้างที่ตรวจผลงานอย่างใกล้ชิด จึงทราบเหตุที่พัง
ในครั้งนั้นพญานาคปัตตะลุม มีธิดาอยู่ 4 นาง คนแรกชื่อ “นางมัจฉา” คนที่สอง ชื่อ “นางจำปาดอกแก้ว” คนที่สามชื่อ “นางผ่านแผ้วดอกคำ” คนที่สี่ชื่อ “นางคำตันอุ่นหล้า” นางทั้งสี่นี้ได้ขึ้นมาเล่นน้ำกับบริเวณจนถึงสะพานหินที่สร้างใหม่ ซึ่งทอดขวางทางอยู่ ไม่สะดวกในการว่ายเล่น จึงสั่งให้บริวารพังหินเปิดเป็นช่องยาวประมาณโยชน์หนึ่ง เพื่อจะได้มีพื้นที่ว่ายน้ำมากขึ้น
ฝ่ายผู้สร้างสะพานทำไปถึงเกาะลงกาแล้ว ก็ย้อนกลับมาตรวจดูความเรียบร้อยของสะพานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นความรอบคอบของสถาปนิก จึงได้เห็นสะพานที่พังเป็นช่อง ก็ช่วยกันขนหินมาถมให้เต็ม แต่ชั่วเวลาไม่ช้านักพวกนาคก็มาพังทลายลงอีกสี่พี่น้องก็ต้องซ่อมอยู่หลายครั้ง มีความประหลาดใจ ได้พากันดำน้ำลงไปตรวจดู ก็เห็นนางนาคทั้งสี่กำลังบงการให้บริวารพังกองหินอยู่ ก็กรากเข้าไปถามด้วยความโกรธว่า
“พวกเจ้ามาแต่ไหน เหตุไรมาพังสะพานของเรา”
นางนาคทั้งสี่ก็ตอบว่า มาแต่เมืองแม่ม่าย เพื่อจะหาผัว เมื่อพวกเรามาพบกันแล้วก็ควรจะร่วมรักสามัคคีกันดีกว่า ไม่ควรจะมาโกรธเคืองกัน สี่พี่น้องได้ฟังดังนั้นก็หายโกรธดังปลิดทิ้ง ต่างจับคู่เชยชมด้วยความยินดี
ท้าวหุนละมานจับคู่กับนางมัจฉา
ท้าวขวัญเท่าฟ้าจับคู่กับนางจำปาดอกแก้ว
ท้าวชาตะพญากับนางผ่านแผ้วดอกคำ
ท้าวกัณหาพญากับนางคำต้นอุ่นหล้า
กล่าวโดยสรุปพระรามได้ใช้สะพานนี้เพียง 2 ครั้ง คือครั้งแรกยกพลข้ามมหาสมุทรไปกรุงลงกา และเมื่อเสร็จสิ้นการสงคราม พระรามเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา พิเภกเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สะพานอีกแล้ว จึงทูลพระรามให้แผลงศรทำลายสะพาน เพื่อมิให้เป็นที่กีดขวางการคมนาคม และเป็นการฟื้นฟูภูมิประเทศให้มีสภาพเหมือนเดิม พระรามจึงแผลงศรพลายวาตไปทำลาย เรื่องการสร้างขัวของท้าวหุนละมานในเรื่องพระรามชาดกมีดังกล่าวมานี้ ผิดกับรามเกียรติ์ไทย ซึ่งมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันระหว่างหนุมานกับนิลพัทไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ นิลพัทไปรักษาเมืองขีดขิน หนุมานดูแลการสร้างสะพานและได้นางสุพรรณมัจฉาเป็นเมียคราวนี้
ถ้าต้องการเห็นภาพการจองถนนดังกล่าวข้างต้น จะหาดูได้จากภาพเขียนเรื่องรามเกียติ์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมหาราชวัง