‘พระกรุกำแพงเพชร’ ชัยฤทธิ์ โสภณโภไคย เปิดประสบการณ์สอน พระปลอม-พระเก๊

“การเรียนรู้พระกรุมีความสำคัญมาก เพราะปัจจุบันผิดเพี้ยนไปเกือบทั้งหมด ความถูกต้องแท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงความถูกต้องแท้จริงของพระกรุ ต้องมาจากธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นขององค์พระนั้นๆ”

คำกล่าวของ “ชัยฤทธิ์ โสภณโภไคย” เจ้าของพิพิธภัณฑ์ขุนโสภณโภไคย ตั้งอยู่กลางเมือง จ.กำแพงเพชร ถือเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่รวบรวมพระกรุกำแพงเพชรไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง

ชื่อของ “ชัยฤทธิ์” รู้จักกันดีในแวดวงนักเลงพระกรุ โดยเฉพาะที่กำแพงเพชร เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่มีพระกรุกำแพงเพชรไว้ในครอบครองมากที่สุดแล้ว ยังนับเป็น “ผู้รู้” เรื่องพระกรุกำแพงเพชรอย่างหาตัวจับได้ยาก ระหว่างศึกษาหาข้อมูลและข้อเท็จจริงของพระกรุ บางคนถึงกับกล่าวหาว่าเขาเป็น “คนบ้า” ที่จู่ๆ ก็ปีนขึ้นไปบนกำแพงวัด ก้มๆ เงยๆ อยู่บนนั้นนานหลายวัน ขณะที่บางครั้งก็ไปขุดดินใต้ต้นไม้ลึกลงไปเป็นเมตร โดยไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่สำหรับชัยฤทธิ์แล้วการกระทำเหล่านั้น ทำให้ได้ความรู้กลับมาเป็นผลตอบแทน ไม่ใช่รู้แบบงูๆ ปลาๆ แต่ละเอียด ลึกซึ้ง และรอบด้าน

นอกจากมีพิพิธภัณฑ์ของตัวเองแล้ว ชัยฤทธิ์ยังเป็นนักอนุรักษ์ที่อยากถ่ายทอดความรู้และเรื่องราวอันล้ำค่าของพระกรุกำแพงเพชรให้แก่คนรุ่นหลังได้สืบสานรักษาพระดีของเมืองกำแพงเพชรให้คงอยู่อย่างถูกต้องชั่วลูกชั่วหลาน เขาจึงตัดสินใจเปิดอบรมเรื่องพระกรุกำแพงเพชรของแท้ ในแนวทางและวิธีการของเขาเอง ซึ่งมีรายละเอียดเฉพาะตัว

Advertisement

ก่อนหน้านี้ชัยฤทธิ์ ไม่คิดจะเป็น “ผู้ชี้แนะ” เท่าไหร่นัก เขามักถ่อมตัวว่าไม่มีความรอบรู้พอที่จะเป็นครูบาอาจารย์สอนใครได้ ได้แต่นำความรู้ที่มีทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นตัวอักษร จนได้หนังสือดีออกมาหนึ่งเล่ม ชื่อ “พระกรุกำแพงเพชร” เนื้อหาบอกเล่าถึงพระกรุของเมืองกำแพงเพชรที่มีในปัจจุบัน รวมถึงพระกรุพิมพ์ต่างๆ ลักษณะ รูปร่างแต่ละพิมพ์ว่าเป็นอย่างไร

“ครั้งแรกพิมพ์ออกมา 3,000 เล่ม ภายในเวลา 2 ปีขายหมดเกลี้ยง แสดงถึงความสนใจของคนเกี่ยวกับพระกรุกำแพงเพชร ซึ่งมีดังๆ อยู่ 2 แบบคือ พระซุ้มกอ และพระกำแพงเขย่งหรือพระลีลาเม็ดขนุน ผมตัดสินใจพิมพ์เล่มที่ 2 ขึ้นมาอีก โดยเพิ่มเติมความรู้เรื่องของพระกรุให้มากขึ้น พร้อมๆ กับตัดสินใจเปิดการอบรมการดูพระกรุของแท้ ว่าดูอย่างไร ใช้เวลาในการอบรม 1 วัน ต้องการรับสมัครเพียง 100 คนเท่านั้น คนที่เข้ารับการอบรมครั้งนี้จะได้ความรู้จริงๆ ที่สำคัญจะได้ไม่ถูกหลอก”

หนังสือ “พระกรุกำแพงเพชร” เนื้อหาบอกเล่าถึงพระกรุของเมืองกำแพงเพชรที่มีในปัจจุบัน เรียบเรียงโดย ชัยฤทธิ์ โสภณโภไคย

ชัยฤทธิ์กล่าวว่าที่ผ่านมาคนจำนวนมากถูกหลอกในวงการขายพระ และคนทำพระปลอมก็นิยมทำปลอมพระซุ้มกอและพระลีลาเม็ดขนุน เพราะอยู่ในชุด “เบญจภาคี” อีกทั้งเชื่อ “มีกูแล้วไม่จน” ซึ่งเขากล่าวปนเสียงหัวเราะว่า คนที่ไม่จนคือคนที่ขายพระปลอมนั่นเอง เพราะทำขายกันจนรวยเป็นล่ำเป็นสัน

Advertisement

“ในอดีตคนรุ่นก่อนจะนิยมเรียกพระกรุ โดยระบุว่าเป็นวัดนั้น วัดนี้ เช่น กรุวัดพิกุล กรุวัดบรมธาตุ เป็นต้น ที่ต้องเรียกอย่างนี้ก็เพื่อให้พระกรุของวัดนั้นๆ ทำราคาได้

ปัจจุบันก็ยังเป็นเหมือนในอดีตที่เรียกกัน แต่อยากถามว่าการระบุว่าเป็นพระกรุของวัดนั้น วัดนี้ เขารู้แท้แน่ชัดหรือไม่ ว่ามันใช่พระกรุจริงๆ หรือทำปลอมขึ้นมา ผมว่าทุกคนต่างก็ไม่รู้ เพราะไม่ใช่คนสร้าง ไม่ใช่คนขุด แล้วถามว่าคนวงการพระในปัจจุบันยอมรับความจริงข้อนี้กันได้ไหม คำตอบสำหรับผมคือ เขารับไม่ได้ เพราะมีเรื่องผลประโยชน์เงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องระบุว่าเป็นพระกรุวัดอะไร” นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งของการเปิดอบรมการดูพระกรุครั้งนี้

ชัยฤทธิ์บอกว่า คนที่มีอาชีพในวงการพระ ที่ไม่ใช่คนกำแพงเพชร ย่อมไม่สามารถรู้ลึกถึงข้อมูลที่แท้จริงเท่าคนกำแพงเพชร เพราะคนเหล่านั้นรู้จากการฟังต่อๆ กันมา หรือไม่อาจเห็นองค์พระจริง ชายเจ้าของพิพิธภัณฑ์พระกรุมีเรื่องเล่าให้ฟังในอดีต ตั้งแต่ปี 2520 นักขายพระที่กำแพงเพชรมีการ “กดพระ” ไปขายที่ส่วนกลาง ซึ่งการนำไปขายนั้นระบุด้วยว่าเป็นพระกรุวัดนั้น วัดนี้ แต่จะจริงหรือไม่-ไม่มีใครรู้ หรือเป็นการ “ยัดกรุ” ต่อมาประมาณปี 2556 มีเซียนพระใหญ่ระดับประเทศไปหาเขาที่บ้านถึง 2 ครั้ง เพื่อขอซื้อพระ ระหว่างดูพระก็มีการพูดคุยกันไม่รู้ว่าพระกรุที่อยู่ในมือเป็นพระกรุวัดไหน เซียนพระคนนั้นกลับบอกว่า “ไม่รู้ไม่เป็นไร” แต่ขอให้ขายให้เขาเถอะ เดี๋ยวเขาจะไป “ยัดกรุ” เอง

พระกรุกำแพงเพชร มีพระซุ้มกอ กับ ลีลาเม็ดขนุน

คำพูดของเซียนพระคนดังกล่าว ทำให้ชัยฤทธิ์ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วความรู้ในการดูพระกรุในวงการเซียนพระหาความจริงแท้แน่นอนไม่ได้ ต่างโป้ปดบิดเบือนเบี่ยงเบนจากความถูกต้อง แต่ถ้าหากคนเรามีความรู้แท้จริงเกี่ยวกับพระกรุก็จะไม่ถูกหลอก “ผมบอกเลยว่าการเรียนรู้ดูพระกรุกำแพงเพชร ต้องเรียนรู้ดูจากพระองค์จริงเท่านั้น องค์จริงจะดูง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นต้องหาองค์จริงดูให้ได้ องค์จริงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นองค์ครู เราต้องเห็นด้วยตาว่าเนื้อองค์พระที่แท้จริงเป็นอย่างไร เนื้อองค์พระมีหลายเนื้อ ตั้งแต่เนื้อดำ เนื้อแดง ผิวไผ่รวก จึงต้องเห็นองค์จริง”

ชัยฤทธิ์อธิบายต่อ ว่าหลังจากนั้นเป็นการดูที่ “คราบรา” เห็นคราบสีดำๆ แล้วบอกว่าเป็นคราบราได้หรือไม่? บอกได้เลยว่าพวกขายพระปลอมทั้งหลายมีวิธีการทำคราบรา โดยใช้หมึกสีดำใส่แปรงสีฟันแล้วสลัดลงไปบนองค์พระ ก็จะดูเป็นสีดำคราบรา แต่ถ้าดูเป็นจะเห็นว่ามันเหมือนกับหยดน้ำที่หยดลงไปบนเนื้อองค์พระ ไม่ใช่รา

“ตอนหลังพวกขายพระปลอมฉลาดมากขึ้น หันมาใช้แกนของถ่านไฟฉายนำมาขูดเป็นผงเอาไปคลุกกับหมึกจีนแล้วค่อยสลัดลงไปบนองค์พระ เริ่มมีตุ่มเม็ดเล็กๆ ต่างๆ พอคนจับได้ ก็มีวิธีการใหม่ หลังจากเผาเสร็จใช้ด่างทับทิมสาดผสมเข้าใส่เป็นสีดำจับเนื้อแน่นขูดไม่ออก ให้นำไปต้มสามวันเจ็ดวันแล้วใช้แปรงขัดยังไงก็ไม่ออก แต่มันก็มีความต่างกัน คือด่างทับทิมสีไม่เหมือนราที่แท้จริง ราที่แท้จริงเป็นสิ่งมีชีวิต มันมีตีน มันจะเกิดขึ้นก่อน หลังจากนั้นจะเดินแล้วกระเถิบแบบไม่มีทิศทาง บางทีขึ้นจุดนั้นจุดนี้ ถ้าเป็นหมึกสลัด-สลัดจากขวาไปซ้ายทุกมุมจากแปรงสีฟันที่ออกไปจะสาดไปที่เดียวกันหมด ฉะนั้น หมึกสลัดดูออกทันที เรื่องปลอมพระนี้ยังมีขั้นตอนทำตั้งมากมาย”

พระกำแพงซุ้มกอ

สำหรับการอบรม ชัยฤทธิ์บอกเล่าตั้งแต่เบื้องต้นลักษณะของพระองค์จริง การดูองค์พระเนื้อเป็นอย่างไร คราบรา นวลกรุ “คำว่านวลกรุ ต้องดูว่า รา กับ นวลกรุ อันไหนเกิดก่อนกัน คำตอบคือราต้องเกิดติดเนื้อองค์พระก่อน เพราะฉะนั้น พระองค์ไหนก็ตามถ้าเกิดราปิดทับนวลกรุ โยนทิ้งได้ทันที เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ราต้องอยู่ใต้นวลกรุ เพราะนวลกรุเป็นสิ่งสะสมที่เกิดขึ้นทีหลัง ค่อยสะสมไปเรื่อยๆ จนติดแน่น ดังนั้นนวลกรุจะปิดทับราเสมอ ต้องไม่ลืมหลักวิทยาศาสตร์ข้อนี้ ถ้าลืมเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าเราเข้าไปตกบ่วงของคนขายพระปลอม ต้องระวัง”

ข้อสำคัญประการหนึ่งของการเรียนรู้ คือต้องเห็นด้วยตา ด้วยเหตุนี้ในการอบรมของชัยฤทธิ์ เขาจึงลงทุนหอบหิ้วพระกรุของแท้จากพิพิธภัณฑ์สมบัติส่วนตัว ไปให้คนเรียนได้ส่องพระจริงถึง 50 องค์ เพื่อให้เห็นจุดเด่นจุดด้อยกับตาตัวเองกันเลยทีเดียว “จุดประสงค์ของผม คืออยากให้ทุกคนที่มาอบรมได้เห็นพระองค์จริง พระนี้ผมจัดใส่ตู้ไว้ให้ดู ถ้าใครมีกล้องก็สามารถส่องดูที่องค์พระได้เลย นอกจากนี้ ผมยังจัดเตรียมไว้ให้หยิบส่องกับมือตัวเองอีกประมาณ 10 องค์ เพราะฉะนั้น ถามหน่อยว่ามีใครจะนำพระซุ้มกอ พระลีลาเม็ดขนุนที่เป็นของกรุแท้ๆ ให้คุณได้หยิบส่อง นอกจากที่นี่ที่เดียว”

การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม 2562 ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น ที่หอประชุมใหญ่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กทม.

“ถ้าไม่ใช่ร่วมกับมติชนผมก็ไม่นำมาให้ดู เพราะพระหลายองค์ที่นำมาครั้งนี้ ตกทอดมาตั้งแต่คุณตาคือขุนโสภณโภไคยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ คือตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งตอนนั้นไม่มีการปลอมพระกัน” นอกจากนั้น ในการสมัครเข้ารับการอบรม ยังแจกหนังสือ “พระกรุกำแพงเพชร” คนละ 1 เล่ม พร้อมกับพระกรุซุ้มกออายุ 40 กว่าปี สร้างโดยพระเกจิ “หลวงพ่อวิชัยวัชระ” ให้กับทุกคนที่เข้าอบรมด้วย ซึ่งพระกรุของเกจิรูปนี้ปัจจุบันถามหาไม่มีแล้ว

ของที่ระลึกสำหรับผู้สมัครเข้าคอร์สอบรมทุกคน

อย่างไรก็ดี การสอนให้คนรู้ดูพระให้เป็นว่าจริงหรือไม่จริง แท้หรือไม่แท้ ชัยฤทธิ์บอกว่าเป็นเหมือนโปลิศจับขโมย พอแก้ทางหนึ่งได้ ก็ไปโผล่อีกทาง “พวกขายพระปลอมมีวิธีหนึ่งที่บอกได้ยากมาก ถ้าเขาใช้วิธีนี้ก็ต้องบอกเลยว่า จับผิดได้ยากมาก แต่ก็สามารถจับได้ ผมจะบอกว่าวิธีเป็นอย่างไร ขอไปเฉลยในการอบรม ต้องไปดูตอนอบรมเท่านั้นครับ ไปเห็นองค์จริงแล้วผมจะบอก” เจ้าของพิพิธภัณฑ์ขุนโสภณโภไคยเย้าแหย่กันเล่นพอสนุก

สุดท้ายแล้ว พระกรุกำแพงเพชรทุกกรุที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้ ในเรื่องพุทธคุณนั้นบอกได้ว่าทุกสิ่งดีหมด แต่อยู่ที่ตัวคนปฏิบัติเท่านั้นว่าจะทำอย่างไร ผิดศีลธรรมหรือไม่ เมื่อทำไม่ดี ย่อมได้ไม่ดีตอบแทน หากใครจะแย้งว่าเยอะแยะไปที่ทำไม่ดี แต่ได้ดี บอกเลยว่านั่นเป็นเพราะ “บุญเก่า” เขายังไม่หมด เมื่อไหร่ที่หมดบุญเก่า เขาต้องประสบชะตากรรมอย่างแน่นอน

ชัยฤทธิ์ โสภณโภไคย
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image