‘มหัศจรรย์เขาขนาบน้ำ’ พื้นที่ชุ่มน้ำโลก ป่าในเมืองแห่งแรกของ จ.กระบี่

ภาพโดย สุรินทร์ มุขศรี

โครงการป่าในเมือง “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” เป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีการจัดกิจกรรมนันทนาการ มีพื้นที่ออกกำลังกาย และยังเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศและท่องเที่ยวเชิงนิเวศทรัพยากรป่าชายเลน เพื่อเป็นการอนุรักษ์ผืนป่าชายเลนในเขตเมืองและบริเวณใกล้เคียงชุมชน โดยโครงการป่าในเมืองของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการเปิดโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 18 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่รวมจำนวน 12,412 ไร่

หลังจากที่ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2561 ได้มีการเปิดโครงการ “ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ อัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง” บนเนื้อที่ 500 ไร่ ณ บริเวณสวนสาธารณะโขดปอ พระเจดีย์กลางน้ำ ปากแม่น้ำระยอง

สำหรับโครงการป่าในเมือง “มหัศจรรย์เขาขนาบน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำโลก” นับอยู่ในลำดับที่ 19 ของโครงการสวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย ที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมมือกับจังหวัดกระบี่ จัดงานเปิดโครงการขึ้นเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ บริเวณป่าชายเลนเขตเทศบาลเมืองกระบี่ สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ที่ได้รับเกียรติจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิด “โครงการป่าในเมือง” พร้อมกับการแสดง 2 ชุดจากเยาวชนซิงเกิลแดนซ์ การแสดงในชุดแรกมีชื่อว่า “Welcome to KRABI” และการแสดงในชุดที่สองที่มีชื่อว่า “มหัศจรรย์โลกใต้ท้องทะเล” เป็นการต้อนรับแขกผู้มาร่วมงาน

ภายหลังจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ องศ์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ สำนักจัดการทรัพยากรทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ผู้นำชุมชน สื่อมวลชนและประชาชนในพื้นที่ ประมาณ 1,000 คน ที่เข้าร่วมกิจกรรม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล่าถึงเบื้องหลังของโครงการสวนป่าประชารัฐว่า

Advertisement

โครงการเปิดป่าในเมือง “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” ในจังหวัดกระบี่เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อยู่กลางเมืองจังหวัดกระบี่เลยก็ว่าได้ โดยทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้นโยบายมาตั้งแต่เริ่มต้นการบริหารงานตั้งปี พ.ศ.2557 มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันจัดทำโครงการป่าในเมือง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีพื้นที่ดำเนินการโครงการป่าในเมือง จำนวน 99 แห่ง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 20 แห่ง กรมป่าไม้ 28 แห่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชอีก 51 แห่ง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเองได้นำมาสู่การปฏิบัติมีทั้งเรื่อง “ไม้มีค่า ป่าชุมชน คนอยู่กับป่า” โดยป่าในเมืองเป็นในลักษณะที่ให้ประโยชน์กับพี่น้องในแต่ละพื้นที่ ให้เด็กเยาวชนได้เรียนรู้เรื่องป่าไม้ในพื้นที่ป่าจริงๆ ไม่ใช่เรียนในหนังสือหรือในห้องเรียน พี่น้องประชาชนก็ได้ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ นักท่องเที่ยวต่างถิ่นก็ได้มาแวะชมความสวยงาม

“พื้นที่ในจังหวัดกระบี่มีประมาณทั้งหมด 3 พันกว่าไร่ในส่วนแรกที่เราเปิดมีประมาณ 180 กว่าไร่ และจะมีการผนวกเพิ่มเข้าอีกเป็น 3 พันกว่าไร่โดยเป็นป่าในเมืองของพี่น้องชาวกระบี่ทั้งหมด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางจังหวัดและชุมชนจะร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะช่วยกันดูแลให้เป็นพื้นที่ของประชากรอย่างแท้จริง” พล.อ.สุรศักดิ์บอก

“เนื่องจากคนไทยอยู่กับป่ามานานตั้งแต่ในสมัยอดีต เมื่อวันนี้เขาดูแลป่ามาตลอดแต่ว่าเราก็ไม่ได้มีกฎหมายอะไรให้เขาดูแลป่าเฉพาะเพียงแต่ใช้กฎหมายกรมป่าไม้ กฎหมายป่าสงวน มีการใช้ข้อบัญญัติบางอย่างมาใช้แต่ไม่ได้เต็มรูปแบบ ยังมีการกระทำผิดกฎหมายทั้งที่พี่น้องประชาชนควรจะใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งวันนี้ทางรัฐบาลได้เห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน ที่ใช้เวลามานานถึง 28 ปีแล้ว รอเพียงประกาศเป็นกฎหมาย

“ซึ่งหมายความว่าทั่วประเทศ 21,850 ชุมชนจะมีป่าโดยมีพี่น้องในชุมชนเป็นผู้ดูแล มีกฎหมายรองรับ มีกติกาของแต่ละชุมชน มีแผนการบริหารจัดการชุมชน นั่นคือต้องมีป่าอนุรักษ์ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ป่าสมบูรณ์ต้องรักษาไว้ ไม่อนุญาตให้เอาไปใช้ทำใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากเรื่องของการเพาะพันธุ์ที่เราอนุญาต แต่ถ้าจะไปตัดทำลายเราไม่อนุญาต ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จะมีการวางแผนกันในแต่ละชุมชน เป็นพื้นที่สำหรับการสันทนาการ เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตของหมู่บ้าน เก็บหาของป่าไว้กินไว้ใช้แล้วสร้างประโยชน์ได้ ซึ่งทางราชการจะส่งเสริมเอาพืชชนิดที่มีราคาสูงมาเป็นรายได้เสริมให้กับพี่น้องประชาชน”

สำหรับพิธีเปิดโครงการป่าในเมืองภายในงานมีกลุ่มชาวบ้านจากโครงการต่างๆ ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมและเปิดบูธสำหรับให้ความรู้ อาทิ โครงการ “โรงเรียน ECO SCHOOL” หรือโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยโรงเรียนเมืองกระบี่ที่เป็นโรงเรียน ECO SCHOOL จัดเป็น 1 ใน 4 โรงเรียนของประเทศ มีรูปแบบการจัดทำหลักสูตร มีรูปแบบการบริหาร มีกิจกรรมต่างๆ 1 ห้องเรียน 1 ฐานการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กรักบ้านเกิดของตนเอง โดยเราคิดว่าจะต้องเริ่มต้นจากโรงเรียน นอกจากนี้ยังมี มหิงสาสายสืบ โดยให้เด็กๆ รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมตามกระบวนการ 4 ขั้นตอน ค้นหา สำรวจ อนุรักษ์ และแบ่งปันในพื้นที่ที่เด็กๆ สนใจ พื้นที่ธรรมชาติในจังหวัดของตนเองที่ใกล้ๆ บ้าน

ต่อมาเป็นโครงการขยายผล “ธนาคารปูม้าเพื่อคืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ที่เริ่มจากการทำมาหากินของชาวประมงในพื้นที่ เนื่องจากปูม้าในพื้นเริ่มมีจำนวนลดลง ถ้าเราไม่ร่วมกันอนุรักษ์จำนวนลูกปูจะหมดไป การทำมาหาของพวกชาวบ้านก็จะน้อยลง เช่น บางคนออกไปจับปูได้แค่วันละ 2-3 ตัว ไม่คุ้มกับค่าน้ำมันค่าลงทุนที่เราลงทุนออกไปจับ แต่ถ้าเราร่วมกันอนุรักษ์พาแม่ปูเข้ามาสู่ธนาคารปูม้าแล้วปล่อยคืนสู่ธรรมชาติภายใน 2-3 เดือน นอกจากจะช่วยเพิ่มจำนวนประชากรปูม้าในทะเลมากขึ้นแล้ว ยังส่งผลกับชาวประมงทั้งหมดสามารถจับปูได้เพิ่มมากขึ้น โครงการนี้เริ่มดำเนินการมาได้ประมาณ 3 เดือน แต่ผลที่ได้ยังไม่ค่อยชัดเจนต้องรอผลที่ได้ประมาณ 6 เดือน

นอกจากจะมีธนาคารปูม้าแล้วก็ยังมี “การเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น” เนื่องจากสาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ แต่ในระยะหลังเป็นเพราะปริมาณน้ำในธรรมชาติไม่เสถียร อาจจะเค็มไป ร้อนไป ฝนตกเยอะเกินไป ฉะนั้นการนำสาหร่ายพวงองุ่นมาเลี้ยงไว้ในกระชังเป็นการแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง โดยเราสามารถควบคุมอุณภูมิของน้ำได้ และยังสามารถกำหนดปริมาณได้ว่าต้องการจำนวนมากน้อยเพียงใด

สาหร่ายพวงองุ่นมีราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท คนในปัจจุบันนิยมรับประทานกันมากขึ้น ต่างจากที่เมื่อก่อนคนจะนิยมกินเป็นกับข้าว โดยใช้กินเป็นผักแนมกับน้ำพริก แต่ในปัจจุบันมีการนำมาประยุกต์กินกับยำกับส้มตำ ฯลฯ นับเป็นโครงการที่ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมจากการทำประมง เป็นเกษตรทางเลือกที่ดีกว่าทำประมงอย่างเดียว

และสุดท้ายเป็น “วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง” กลุ่มเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง จ.กระบี่ โดยน้ำผึ้งแท้บ้านไหนหนังเกิดจากการผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง ที่เป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้จากความหลากหลายของดอกไม้สวนและดอกไม้ป่าชายเลนที่พบเห็นได้ในพื้นที่ เช่น ดอกแสมขาว ดอกหวายลิง ดอกลำพูและดอกตะบูน โดยโครงการเกิดขึ้นจากรวมตัวกันของกลุ่มอนุรักษ์ที่ต้องการขยายพันธุ์ไม้ป่าชายเลนในพื้นที่โดยอาศัยผึ้งเป็นตัวกลางในการขยายพันธุ์ จึงได้มีการริเริ่มเลี้ยงผึ้งโพรงขึ้น สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ยาดมสมุนไพร ยาหม่องขิงสมุนไพรผึ้ง สบู่เหลวน้ำผึ้งผสมสมุนไพร แชมพูสมุนไพรผสมน้ำผึ้ง ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่นอกเหนือจากการทำประมงและการทำสวนได้

ทั้งนี้ โครงการป่าในเมือง “มหัศจรรย์เขาขนาบน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำโลก” มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดจำนวนมาก อาทิ โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ และแสมทะเล รวมไปถึงสัตว์ป่าชายเลนที่สำคัญอีกหลายชนิด เช่น ลิงแสม เหยี่ยวดง ปูก้ามดาบ ปูทะเล ปูแสม ปลาตีน และหอยตาแดง และภายในบริเวณโครงการยังมีศูนย์ส่งเสริมและเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนเขาขนาบน้ำและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ระยะทาง 526 เมตร ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยว นักเรียนนักศึกษา เข้ามาเยี่ยมชมปีละ 20,000 คน และตลอดเส้นทางเดินก็อาจจะมีฝูงลิงแสมอยู่ตลอดเส้นทาง พร้อมด้วยกิจกรรมการนั่งเรือชมบรรยากาศธรรมชาติและป่าชายเลนเดินได้ โดยกิจกรรมทั้งหมดภายในโครงการสามารถให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้รับทั้งความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและความเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กัน

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้หรือเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ “มหัศจรรย์เขาขนาบน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำโลก” สามารถที่จะเข้าไปได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ บริเวณป่าชายเลนเขตเทศบาลเมืองกระบี่ สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image