ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
นับจากเปิดให้บริการตั้งแต่วันแรก “ไอคอนสยาม” ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นอภิมหาโครงการและสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างปักหมุดให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง
และเมื่อเร็วๆ นี้ ไอคอนสยาม พร้อมบรรดาผู้มีส่วนร่วมในโครงการ (The Makers, The Co-Creators, The Supporters) ยังได้สร้างบทพิสูจน์ด้วยชื่อเสียงที่ดังไกลไปทั่วโลกอีกครั้ง กับการกวาด รางวัลชนะเลิศ Global Award จากเวทีอันทรงเกียรติระดับนานาชาติถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล World Retail Awards 2019 สาขา Best Store Design of the Year ในฐานะโครงการที่ได้รับการคัดเลือกว่าออกแบบดีที่สุดในโลก และอีก 2 รางวัลชนะเลิศจาก INTERNATIONAL PROPERTY AWARDS 2019 ในบทบาทของผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุด และ รางวัลชนะเลิศการออกแบบสถาปัตยกรรมดีเด่นระดับภูมิภาคในหมวด Shopping Center จากเวที Prix Versailles 2019
เป็นการประกาศศักยภาพของคนไทย ธงชาติไทยโบกสะบัดบนเวทีระดับโลกอย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง
ทั้งนี้ ความโดดเด่นที่เป็นที่กล่าวขานกันมากที่สุดของไอคอนสยาม ก็คืองานสถาปัตยกรรมและโครงสร้างทางวิศวกรรม โดยบุคคลสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นทีมนักออกแบบ ได้แก่ อัจฉริยะ โรจนะภิรมย์ ประธานกรรมการ และ วาลุกา โรจนะภิรมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิ้น อาร์คิเต็คส์ จำกัด
อัจฉริยะอธิบายว่า เนื่องจากไอคอนสยามมีเป้าหมายมุ่งสู่โครงการที่คนทั่วโลกต้องรู้จักและคนไทยทุกคนสามารถร่วมภูมิใจได้ ในทุกมิติของการทำงานจึงมีแต่ความท้าทาย หัวใจของงานออกแบบก็คือการสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นเอกลักษณ์ สร้างการจดจำ และสร้างแลนด์มาร์กระดับชาติที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นไทยและภูมิปัญญาไทยโดยมีความเป็นสากลแฝงอยู่
วาลุกากล่าวเสริมว่า “สิ่งที่เรานำมาสร้างเรื่องราวให้กับงานออกแบบไอคอนสยาม คือ ความผูกพันของชีวิตคนไทยที่อยู่กับสายน้ำมาตั้งแต่เกิด จึงได้มีการนำ ‘น้ำ’ มาเป็นเรื่องราวในการร้อยเรียงวัฒนธรรมไทยทั้งหมด พร้อมกับหล่อหลอมศาสตร์หลายๆ อย่างเข้าไว้ด้วยกัน ในแต่ละพื้นที่มีความเป็นเมืองแห่งแฟชั่น ความเจริญ เทรนด์ ความศิวิไลซ์ ทั้งหมดถูกร้อยเรียงด้วยเส้นสายลายไทยอันทันสมัย เชื่อมโยงความแตกต่างของพื้นที่แต่ละชั้น เช่น การนำทักษะงานช่าง 10 หมู่มาผสมผสานกับเทคโนโลยีจนเกิดเป็นความร่วมสมัย เป็นไทยรูปแบบใหม่ที่ยังคงมีรา กเหง้าของความเป็นไทยดั้งเดิมอยู่ด้วย”
และเมื่อกล่าวถึงสถาปัตยกรรมภายนอกอาคาร โครงสร้างหลักอย่าง Facade (ฟาซาด) คือองค์ประกอบสำคัญที่ไม่เพียงสร้างสุนทรียภาพทางสายตา แต่ยังสะท้อนแนวคิด อัตลักษณ์ และบุคลิกโดดเด่นเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Pleated Glass Facade ของไอคอนสยามที่ได้รับการรังสรรค์อย่างประณีตบรรจงด้วยวิทยาการล้ำสมัยจากบริษัท seele ในประเทศเยอรมนีและประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญงาน ‘ฟาซาดเชิงนวัตกรรม’ ที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงในการทำงานกับวัสดุกระจก โลหะ และวัสดุอื่นๆ บนโจทย์ที่ซับซ้อน
Andreas Geyer และ Thomas Spitzer สองผู้บริหารแห่ง seele กล่าวว่า “ฟาซาดของไอคอนสยามสร้างขึ้นจากกระจกใสขนาดมหึมาที่สูงถึง 24 เมตร บานกระจกหลักแต่ละชิ้นสูง 16 เมตร และด้วยแรงบันดาลใจจาก ‘สไบ’ และ ‘กระทง’ โครงสร้างฟรีฟอร์มสามมิติของกระจกทั้งหมดนี้จึงอาศัยเทคนิคการติดตั้งแบบแขวนจากด้านบน ส่วนความซับซ้อนและคุณภาพวัสดุอันเป็นเลิศคือสองสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตนของ seele ที่ยังสอดคล้องกับแนวคิดของโครงการที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาให้เป็นสถาปัตยกรรมระดับไอคอนิกของโลก”
แม้แต่โครงสร้างทางวิศวกรรม ที่นี่ก็เรียกได้ว่าเป็น ‘มิติใหม่’ ในแวดวงวิศวกรรมของเมืองไทย โดยการควบคุมและออกแบบเป็นหน้าที่ของ ดร.การุญ จันทรางศุ และ ดร.กุลสิริ จันทรางศุ แฟร์ร็องด์ แห่ง “เค.ซี.เอส.แอนด์.แอสโซซิเอทส์”
ทั้งสองท่านอธิบายว่า ‘ICONS within ICON’ คือคำจำกัดความของโครงการ เป็นการสร้างอาคารซ้อนอาคาร เมื่อเดินเข้าไปข้างในต้องรู้สึกว่า นี่คืออาคารด้านนอก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองๆ หนึ่ง ดังนั้น โครงสร้างของอาคารจึงต้องการช่วงเสารับน้ำหนักที่กว้างมาก มองเข้าไปแล้วต้องไม่เห็นว่ามีเสาจำนวนมาก ขณะเดียวกันอาคารก็ต้องรับน้ำหนักจำนวนมากจากโซนต่างๆ ของแต่ละชั้น ต้องทำให้โครงสร้างอาคารมีช่วงเสาที่กว้าง แต่ต้องบาง เรียว สวยงาม โดยไม่กระทบงานออกแบบส่วนอื่น นี่คือความท้าทายของงานวิศวกรรม
ในการออกแบบภูมิทัศน์ในพื้นที่ริมน้ำซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของโครงการ วรรณพร พรประภา กรรมการผู้จัดการบริษัท พี แลนด์ สเคป จำกัด และทีมงาน ให้ความเห็นว่า พื้นที่สาธารณะที่ดีต้องสร้างประโยชน์ให้แก่คนหมู่มาก โดยเฉพาะที่นี่ที่ต้องคิดเพิ่มขึ้นจากเรื่องในเชิงธุรกิจและความสวยงาม
“การออกแบบภูมิทัศน์ของพื้นที่จึงต้องพิจารณาศึกษาข้อมูลในหลายมิติ มีการออกแบบให้เอื้อกับการใช้งานหลายประเภท คำนึงถึงการเชื่อมต่อการสัญจรกับพื้นที่โดยรอบ การสร้างบรรยากาศที่รื่นรมย์ ทั้งหมดเพื่อให้ไอคอนสยามเป็น ‘ไอคอน’ แห่งหนึ่งของเมืองไทยที่ทุกคนจะได้รับความสุขและความรื่นรมย์จากพื้นที่ดังกล่าว”
นอกจากนี้ ที่นี่ยังได้รวบรวมผลงานมาสเตอร์พีซของศิลปินแห่งชาติและศิลปินระดับโลกกว่า 100 ท่าน อาทิ เสาแห่งมงคล 8 ต้นที่ สร้างสรรค์โดย ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ เพื่อนำเสนอแง่คิดเชิงจิตวิญญาณและวัฒนธรรมที่หล่อหลอมอยู่ในบริบทของสังคม ด้วยการนำรูปธรรมของสิ่งธรรมชาติสองสิ่ง ‘ใบไม้’ และ ‘ทองคำ’ มาสร้างให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ผู้คนจะตีความหมายเชิงนามธรรมขึ้นในจิตใจ
“เรากำลังนำศิลปะเข้าหาชีวิตคน เข้าใกล้ชุมชนมากขึ้น เมื่อผู้คนก้าวผ่านประตูอาคารเข้าไปจะได้พบกับแสงทองที่เรืองรองสุกสกาวเชื่อว่าศิลปะที่สรรค์สร้างขึ้นนี้จะตั้งคำถามบางอย่างในใจผู้คนได้ แต่เป็นคำถามที่ปัจเจกบุคคลจะต้องไปค้นหาคำตอบให้กับตัวเขาเอง” นี่คือทรรศนะของ ศ.ถาวร กับบทบาทของศิลปะในแง่มุมการตอบโจทย์สังคมส่วนรวม
สุขสยาม คือ อีกหนึ่ง Highlight สำคัญของไอคอนสยาม โดย คุณลักขณา นะวิโรจน์ ประธานกรรมการ โครงการสุขสยาม กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของการสร้างเมืองสุขสยาม คือการให้โอกาสชาวบ้าน (Local Heroes) จาก 77 จังหวัด ทั้ง 4 ภาคของประเทศ พัฒนาคนให้เกิดอาชีพ มีรายได้ ความมั่นคง สามารถสืบสานความภูมิใจของครอบครัว จากรุ่นสู่รุ่น สู่ชุมชน สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่เข้ามาเยือนเมืองสุขสยาม เป็นเวทีให้กับคนไทยที่คนทั่วโลกได้สัมผัสและหลงรักประเทศไทยอย่างไม่รู้ลืม”
ความสำเร็จของไอคอนสยามและการคว้ารางวัลชนะเลิศจาก World Retail Awards 2019 ในฐานะโครงการที่ออกแบบดีที่สุดของโลก และอีก 2 รางวัลชนะเลิศจาก INTERNATIONAL PROPERTY AWARDS 2019 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุด รวมทั้งรางวัลชนะเลิศการออกแบบสถาปัตยกรรมดีเด่นระดับภูมิภาค ในหมวด Shopping Center จากเวที Prix Versailles 2019 นับเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและนำพาประเทศไทยไปชนะใจคนทั้งโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่ง
‘ไอคอนสยาม’ ยังนับว่าสามารถขยายย่านการค้าจากย่านธุรกิจใจกลางเมือง (CBD) ให้มาเกิดที่ฝั่งธนบุรีได้เป็นผลสำเร็จ เพราะการร่วมรังสรรค์ (Co-creation) กับชุมชน และผู้ประกอบการโดยรอบ สร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) โดย นาวาโท ปริญญา รักวาทิน นายกสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา อธิบายว่า
“ที่นี่เป็นโครงการขนาดใหญ่แห่งแรกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวริมแม่น้ำได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมื่อไอคอนสยามเปิดให้บริการ ทำให้การวางแผนการท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาง่ายขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวบริเวณพื้นที่ประวัติศาสตร์ของเกาะรัตนโกสินทร์ได้ตลอดทั้งวัน ต่อด้วยการช้อปปิ้งช่วงเย็นถึงค่ำคืน
“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังร่วมกับสมาคมเพื่อหารือกับกรมเจ้าท่าในการฟื้นฟูการเดินทางทางแม่น้ำ ด้วยการสร้างสถานีเรือต้นแบบเพื่อรองรับการเดินทางที่เชื่อมโยงระหว่างเรือ รถยนต์ และระบบขนส่งทางรางหรือรถไฟฟ้า ซึ่งภายในปี 2565 จะมีโครงข่ายครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีสถานีติดกับแม่น้ำ 6 แห่งหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ‘รถ-ราง-เรือ’ เพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางได้
สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับการเดินทางโดยรถไฟฟ้าและรถยนต์ได้โดยไม่ติดขัด ทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างดี”