นัมเบอร์วัน ‘อาเซียน’ โรงไฟฟ้าโซลาร์ ‘โซวเตียน’ แห่งเวียดนามใต้

โรงไฟฟ้าโซลาร์โซวเตียน 1 และ 2 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่สุดในอาเซียน

ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่ขยายตัวกว่า 6-7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เย้ายวนใจนักลงทุนยิ่งนัก

ไม่เพียงแต่นักลงทุนภายในประเทศ ทว่า ชาวต่างชาติ รวมทั้งเอกชนไทยอย่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ก็สนอกสนใจเข้าไปลงทุนด้านอุตสาหกรรมพลังงานในเวียดนามนานถึง 20 ปีแล้ว

ล่าสุด เพิ่งตัดริบบินแกรนด์โอเพนนิ่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน DAU TIENG 1 และ DAU TIENG 2 โรงไฟฟ้าโซลาร์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ตั้งอยู่ที่เมืองเตนินห์ แถบตะวันตกเฉียงใต้ของเวียดนาม

บนพื้นที่กว่า 4,500 ไร่ แผงโซลาร์ของโรงไฟฟ้าโซวเตียน 1 และ 2 สร้างกำลังการผลิตติดตั้งรวม 420 เมกะวัตต์ ซึ่ง “บี.กริม เพาเวอร์” เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (ซีโอดี) โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าเวียดนาม (อีวีเอ็น) แล้วตั้งแต่วันที่ 3 และ 13 มิถุนายน 2562 ตามลำดับ ในอัตรา 9.35 เซ็นดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และมีอายุสัญญาการซื้อขายนาน 20 ปี

Advertisement

ก่อนเมฆจะครึ้ม ก่อนฝนจะลงกระหน่ำ ภายในงานเปิดโรงไฟฟ้าอย่างเป็นทางการคับคั่งด้วยแขกเหรื่อ สำคัญจากนานาประเทศ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ สมาชิกวุฒิสภาและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บินตรงจากไทย ขึ้นเวทีเป็นประธานกล่าวแสดงความยินดีกับทุกฝ่าย

ลักษณะโรงไฟฟ้าแบบติดตั้งบนพื้นดิน


“น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้ ถือเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงมากในปัจจุบัน โดยทางรัฐบาลเวียดนามได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว และมีเป้าหมายอย่างจริงจังในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนในอนาคต

Advertisement

“เวียดนามถือเป็นสนามทางการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพ ทั้งด้านจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 96 ล้านคน และตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ที่ดึงดูดการลงทุนจากชาติชั้นนำมาสร้างฐานการผลิตจำนวนมาก ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต ขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โซวเตียน 1 และ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

“ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของบริษัทในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคให้เจริญก้าวหน้าต่อไป”

ปักธง ‘เวียดนาม’ ผงาด ‘นัมเบอร์วัน’ ภูมิภาค

“เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพการลงทุนสูง ด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจ จีดีพีขยายตัวกว่า 6-7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และมีการสนับสนุนด้านพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง การเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โซวเตียน 1 และ 2 ที่เวียดนามซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นก้าวสำคัญของการเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค โดยกลุ่ม บี.กริม ที่ร่วมบุกเบิกด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคมากกว่า 141 ปี”

ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม เอ่ยด้วยความภูมิใจ ก่อนที่ ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ จะเล่าถึงอีกหนึ่งโครงการของ “บี.กริม เพาเวอร์” คือ โรงไฟฟ้าโซลาร์ Phu Yen TTP ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ ซีโอดีแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

“ทั้งสองแห่งนี้ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ มีกำลังการผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์รวมกว่า 677 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ให้บริษัทแล้ว 181 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2562 แม้เพิ่งจะเปิดดำเนินการในระหว่างเดือน ส่งผลให้กำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการแล้วของเราเติบโตกว่า 40 เปอร์เซ็นต์จากช่วงต้นปี โดยมีสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 8 เปอร์เซ็นต์

“สำหรับโซวเตียน 1 และ 2 ได้ส่งไฟไปในที่ที่มีความต้องการใช้ไฟสูง ซึ่งทางใต้ของเวียดนามมีความต้องการใช้ไฟเยอะมาก ที่สำคัญคือทางรัฐบาลเวียดนามก็กล่าวเองว่าเขายังมีความต้องการใช้ไฟอีก ดังนั้น การลงทุนของ บี.กริม เพาเวอร์ถือว่าประสบความสำเร็จ หากจะลงทุนอะไรก็ยังมีความน่าเชื่อถือ ฉะนั้นเราจะเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนที่เวียดนามต่อ”

ตั้งเป้าเติบโต-ขยายการลงทุนอย่างมั่นคง

เป้าหมายของ “บี.กริม เพาเวอร์” คือการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน พร้อมทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้ได้ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565

ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ในประเทศไทยที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะเปิดซีโอดีราวเดือนธันวาคม 2562 ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้ “บี.กริม เพาเวอร์” มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์รวม 46 โครงการ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 17 โครงการ, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 24 โครงการ, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 โครงการ, โครงการขยะอุตสาหกรรม 1 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล 1 โครงการ กำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 2,896 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าในอีกหลายประเทศ ทั้งในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ซึ่งเร็วๆ นี้กำลังจะเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 120 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการศึกษาก๊าซในมาเลเซีย ทว่า มีบางประเทศที่เริ่มสัญญาการลงทุนพลังงานลมแล้ว นั่นคือเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ Korean Midland Power Co.,Ltd. (KOMIPO)

ปรียนาถ สุนทรวาทะ


“เกาหลีใต้สนใจร่วมกับเรามาก เพราะเห็นว่าเราเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีธรรมาภิบาลสูง เติบโตเร็วอย่างมีคุณภาพ จะเห็นว่าการลงทุนทั้งหมดเป็นพลังงานทางเลือก พลังงานสะอาด เราไม่สนใจถ่านหินเลย แม้เวียดนามจะมีการลงทุนด้านนี้ก็ตาม

“ในไทยเอง หากเปิดเสรี LNG สามารถนำเข้าแก๊สได้ ก็อาจเป็นโอกาสให้ บี.กริม เพาเวอร์ ขยายตัว รวมทั้งโครงการรูฟท็อปที่ประชาชนมีความต้องการสูง ดังนั้น รัฐบาลต้องหามาตรการที่ตอบโจทย์ได้ทั้งความเสถียรภาพ ความมั่นคง และความต้องการของประชาชนด้วย” ปรียนาถกล่าว

สำหรับเป้าหมาย 5,000 เมกะวัตต์ ปรียนาถให้ความมั่นใจว่า ไม่ต้องกังวล และเชื่อมั่นว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าสามารถทำได้แน่นอน โดยปัจจุบันนี้มีสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศ 25 เปอร์เซ็นต์ ในประเทศ 75 เปอร์เซ็นต์ หากในอนาคตเป็นไปตามเป้าหมาย สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศจะไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ และไทยจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

หลงเสน่ห์ ‘เวียดนามใต้’

มาถึงเวียดนามใต้ทั้งที ไม่ไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวเลยก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึง

ในทริปเปิดโรงไฟฟ้าโซวเตียน 1 และ 2 คณะมีโอกาสซิตี้ทัวร์ใน โฮจิมินห์ หนึ่งวันเต็มๆ คัดเฉพาะสถานที่เด่นๆ เด็ดๆ แบบที่ “ไม่ไปไม่ได้’

ตั้งแต่ วัดเทียนหาว หรือวัดเจ้าแม่สวรรค์ อายุเก่าแก่เกือบ 300 ปี สถานที่ที่ชาวเวียดนามเชื้อสายจีนให้ความเคารพบูชา โดดเด่นด้วยรูปเคารพเจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้ากวนอู และเทวรูปองค์อื่นๆ พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum) จัดแสดงนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงความสูญเสียจากสงครามเวียดนาม จนยากที่จะปฏิเสธว่า หากใช้เวลาชมสิ่งต่างๆ อย่างละเอียดจะรู้สึกรวดร้าวตามไปด้วย

ภาพวาดฝีมือ “เหยื่อฝนเหลือง” ตราบาปแห่งสงครามเวียดนาม ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์สงคราม


สำหรับคนที่ชอบส่งโปสการ์ดหรือเขียนจดหมายต้องประทับใจกับ สำนักงานไปรษณีย์ไซ่ง่อน (Saigon Central Post Office) ที่นี่มีทุกอย่างเท่าที่คนส่งไปรษณีย์จะนึกออก อีกทั้งสถาปัตยกรรมยังงดงามด้วยศิลปะแบบโกธิค ออกแบบโดย Gustave Eiffel สถาปนิกระดับโลก

ตรงข้ามกับสำนักงานไปรษณีย์ยังมี โบสถ์นอร์ธเธอดาม โดยขณะนั้นกำลังปิดปรับปรุง เปิดให้เข้าได้เพียงบางส่วน

ระหว่างการเดินทางได้เหลือบไปเห็น เลขบนต้นไม้ ถามจากไกด์ท้องถิ่นจนทราบว่า เลขดังกล่าวมีไว้นับจำนวนต้นไม้ และเพื่อการอนุรักษ์ ป้องกันการตัดทำลาย หรือถูกโค่นทิ้ง

ก่อนจะไปนั่งจิบกาแฟชิลชิลที่ The Cafe Apartment ย่านวอล์กกิ้งสตรีท อาคารสุดแนวที่รีโนเวตอพาร์ตเมนต์เก่าสูง 10 ชั้น ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดเก๋ จากชั้น 3-10 อัดแน่นด้วยคาเฟ่ต่างๆ

สำนักงานไปรษณีย์ไซ่ง่อน ศิลปะแบบโกธิค ออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลก
มองจากไกลๆ จะเห็น “ตัวเลข” บนต้นไม้ บ่งบอกการนับจำนวนและเพื่อการอนุรักษ์

แน่นอน สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนามใต้ยังมีอีกมาก ไกด์ท้องถิ่นยังแนะนำ “มุยเน่” ทะเลทรายที่ไม่ไกลจากดาลัด อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเวียดนาม

ก่อนจากกัน ไกด์ท้องถิ่นยังบอกว่า วันนี้เวียดนามกำลังเติบโต “ไซ่ง่อน” หรือโฮจิมินห์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเวียดนามใต้ และพัฒนาที่สุดของประเทศเวียดนาม ไม่แปลกที่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติจะอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ดังเช่น “บี.กริม เพาเวอร์” ที่ขณะนี้เข้ามาปักธงโรงไฟฟ้าโซลาร์ “โซวเตียน” ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียนเรียบร้อยแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image