ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัย ‘แม่ฟ้าหลวง’ เดินหน้าสู่ ‘Medical Education Hub’ แห่งลุ่มน้ำโขง

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ครบรอบ 21 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมกับก้าวสำคัญอีกอีกขั้นหนึ่งเมื่อ มฟล.ติดอันดับในการจัดอันดับจาก THE World University Rankings 2020 เป็นปีแรก อยู่อันดับที่ 601-800 ทำให้ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 1 ของไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล

ภายใต้การนำของ รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี ที่ประกาศอย่างแน่วแน่ในงานสถาปนามหาวิทยาลัย ไว้ว่าจะมุ่งพัฒนา แม่ฟ้าหลวงสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก ตลอดระยะกว่า 2 ทศวรรษ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้ผลิตบัณฑิตเข้าสู่สังคม ตั้งแต่ปีการศึกษา 2545-2561 รวม 26,416 คน และอย่างที่หลายคนทราบว่าอีกหนึ่งความโดดเด่นของที่นี่คือได้รับการขนานนามว่าเป็น “มหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย” พร้อมกับเป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นด้านการเรียนภาษา และงานวิจัยรวมถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอางภายใต้แบรนด์ “ลานาดีน” จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่คัดสรรสารสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติในท้องถิ่น มาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ โดยมีสูตรเฉพาะของนักวิจัยที่ทดลองและทดสอบจนมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัย

มุ่งขับเคลื่อน ‘Medical Education Hub’ แห่งลุ่มน้ำโขง

นอกจากติดอันดับ THE World University Rankings 2020 แล้ว ยังมีมีความน่าสนใจอีกสิ่งหนึ่งคือ “ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง” ที่ประกอบด้วย โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยที่ รศ.ดร.ชยาพร หวังพัฒนาศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ ให้กลายเป็นศูนย์กลางการแพทย์ หรือ Medical Education Hub และ Medical Service Hub ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อันประกอบด้วย ไทย สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ราชอาณาจักรกัมพูชา และจีนตอนใต้ โดยมีเป้าหมายตามแผนการดำเนินงาน มฟล.ที่จะก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่สำคัญในอนุภูมิภาคนี้

“เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการต่อไป คือการพัฒนาศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตที่จะต้องขับเคลื่อนให้ถึงสมรรถนะให้บริการการดูแลสุขภาพและสาธารณสุขของระดับประเทศไทยครบทุกด้านซึ่งต้องใช้สรรพกำลังและทรัพยากรจำนวนมาก สิ่งนี้เป็นแนวทางสำคัญสำหรับการเดินทุ่งมุ่งหน้าของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงต่อไป” รศ.ดร.ชยาพร ระบุ

Advertisement

ดูแลสุขภาพแบบ 3P เพื่อลดการเกิดโรค

จากโครงสร้างศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่มีโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล. ซึ่งจะบริการรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทาง ช่วยส่งเสริมสุขภาพชุมชน เป็นแหล่งฝึกปฏิบัติของนักศึกษาแพทย์ และนักศึกษาที่เกี่ยวข้อง เป็นแหล่งศึกษาวิจัยทางการแพทย์ มีศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ มีแพทย์อาสาบรมราชกุมารี

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นแหล่งฝึกปฏิบัติด้านการแพทย์แบบบรูณาการ (Integrative Medicine) รวมถึงการบริการตรวจรักษาด้วยแพทย์แผนไทย บริการตรวจรักษาด้วยแพทย์แผนจีน กายภาพบำบัดแบบองค์รวม

Advertisement

และจุดเด่นของ “ศูนย์การแพทย์ มฟล.” นั้น รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยว่า ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ นั้น จะช่วยส่งเสริมให้ความรู้ด้านสุขภาพ (Promotion) ป้องกันการเกิดโรค (Prevention) บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อการคัดกรอง (Prediction) รวมถึงการดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์ชะลอวัย พร้อมกับการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บปวด

รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ

“ป้องกันคนไม่ให้เจ็บป่วย โดยมีเป้าหมายคือ Promotion ส่งเสริมให้คนรู้จักดูแลสุขภาพ เพื่อให้คนไม่ป่วย รวมทั้งส่งเสริม Prevention เพื่อให้คนรู้จักป้องกันตนเอง ไม่ให้เป็นโรค เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี และ Prediction ซึ่งคือการพยากรณ์การเป็นโรคของบุคคลนั้นๆ ว่าหากไม่เริ่มรักษาสุขภาพตัวเองในอนาคตจะมีโอกาสที่โรคอะไรบ้าง โดยจะขอเรียกขั้นตอนเหล่านี้ว่า 3P” รศ.ดร.วันชัยกล่าว

ถามว่าถ้าเราทำทั้ง 3P ได้ทั้งหมดจะเกิดผลอะไรนั้น รศ.ดร.วันชัย ให้ข้อมูลว่า จะทำให้สุขภาพดีทุกช่วงวัย ไม่เจ็บป่วย ลดค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการบำบัดโรคต่างๆ ทำให้เกิดการชะลอวัยอย่างมีสุข ซึ่งการศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจร ได้แยกตัวออกมาจากโรงพยาบาลของ มฟล. เพราะเราต้องการให้คนที่ไม่เจ็บป่วยเข้ามาตรวจสอบ และรับบริการด้านสุขภาพ เมื่อบุคคลเหล่านี้ตรวจสอบพบโรค ก็จะสามารถส่งต่อไปรักษาใน โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล. หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แล้วแต่อาการของโรค ได้ทันท่วงที

“เรื่องนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ไม่เคยมีในประเทศไทย และศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ ถือเป็นศูนย์การบริการสุขภาพแห่งแรกของประเทศไทย ที่แยกผู้ป่วยและผู้ไม่ป่วยออกให้อยู่คนละจุด ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจร เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2561 ขณะนี้ได้ให้บริการประชาชนไปแล้ว 25,000 คน ซึ่งมีคนสนใจเข้าใช้ร่วมกับศูนย์บริการสุขภาพครบวงจรฯ จำนวนมาก และค่าใช้จ่ายในการใช้บริการน้อยมากต่อปีต่อคนไม่ถึง 3,000-5,000 บาท ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ แห่งนี้ตนมองว่าจะเป็นการตอบสนองความต้องการ และรองรับเทรนที่กำลังจะมาในอนาคต ที่คนไม่อยากป่วย และทุกคน ทุกวัยอยากสุขภาพดีในทุกช่วงวัย คือตั้งแต่อยู่ในท้อง เกิดมา วันเรียน วันทำงาน วันแก่ ที่ไม่อยากเจ็บป่วย โดยศูนย์บริการสุขภาพจะดูแลคนทุกช่วงวัยเพื่อให้ “สุขภาพดี มีความสุข ทุกช่วงวัย” รศ.ดร.วันชัย กล่าว

‘การผสมผสานศาสตร์แพทย์’ เพื่อหาการรักษาที่ถูกกับโรค

เมื่อรับบริการจากศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ เพื่อการตรวจสอบและหาวิธีป้องกันโรค ทั้งนี้เมื่อผู้ตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคสามารถเลือกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล. หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ โดย โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงนั้น มีความพิเศษคือ เป็นแหล่งฝึกปฏิบัติด้านการแพทย์แบบบรูณาการ (Integrative Medicine) ที่รวมศาสตร์แพทย์แผนไทย และจีนเข้าไปด้วย

ซึ่งหลายคนคงตั้งคำถามว่าเหตุใดเมื่อมีแพทย์แผนไทยแล้ว จะต้องรวมเอาแพทย์แผนจีนเข้ามาด้วย รศ.ดร.วันชัย ให้ข้อมูลว่า เราต้องการรวมทุกศาสตร์การแพทย์เข้ามารักษาผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง เพราะโรคแต่ละอย่างอาจจะรักษาด้วยศาสตร์ที่ต่างกัน แพทย์แผนไทยอาจจะดีต่อการรักษาโรคหนึ่ง ในขณะที่แพทย์แผนจีนอาจจะดีต่อการรักษาโรคหนึ่ง เป็นต้น เราจะเลือกการรักษาด้วยแพทย์แผนต่างๆ ให้ตรงกับโรค ซึ่งจุดเด่นของทั้งแพทย์แผนไทย แพทย์จีนคือการรักษาเพื่อป้องกัน และทำให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรค ซึ่งต่างกับแพทย์แผนปัจจุบันจะเน้นการฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น

แม้วันนี้ศูนย์การแพทย์ของอาจจะยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังมีบุคลากรทางการแพทย์ยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีแพทย์เพียง 50 คนเท่านั้น แต่เรามีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาโดยเฉพาะด้านกระดูก ด้านหัวใจ ซึ่งก็คือการสวนหัวใจ คือ การฉีดสารทึบรังสีดูช่องทางเดินของหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ เป็นกระบวนการที่ล่วงล้ำร่างกายเพียงเล็กน้อย แต่ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินได้ว่า หลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ-ตันบ้างหรือไม่ กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงเพียงใด ลิ้นหัวใจเปิดปิดได้ดีเพียงใด อีกทั้งยังสามารถวัดความดันภายในหัวใจและส่วนต่างๆ ของหัวใจได้ และด้านสูตินารีแพทย์

“แต่ในปี 2565 โครงสร้างศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จะสมบรูณ์พร้อมแน่นอน ทั้งในด้านของบุคลากร เครื่องมือ การดูแลรักษาจะพร้อมให้บริการคน และจะให้ศูนย์แห่งนี้เป็นที่ฝึกอบรมนักศึกษาแพทย์จาก มฟล. ในปีการศึกษา 2565 อีกด้วย โยไม่ต้องส่งไปฝึกที่โรงพยาบาลอื่นอีกต่อไป แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้สนับสนุนมากนัก ทำให้ศูนย์การแพทย์นี้ต้องใช้เงินจากมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยเหลือ หากว่ารัฐบาลเข้ามาสนับสนุน เชื่อว่าศูนย์การแพทย์แห่งนี้จะสามารถช่วยคนยากจนได้มากกว่านี้ ด้วยคุณภาพการรักษาที่ไม่ต่างจากโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป” รศ.ดร.วันชัย กล่าวปิดท้าย

เมื่อทราบข้อมูลเช่นนี้ ก็สร้างความหวังไว้ว่า ในปี 2565 นี้ ประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือและประเทศเพื่อนบ้าน จะมีศูนย์การแพทย์ที่ตอบโจทย์คนในทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่ผู้ที่ไม่เจ็บป่วยแต่ต้องการให้ตนเองมีสุขภาพดี และผู้ที่เจ็บป่วยเข้ามารักษากับบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถภายใต้เครื่องมือที่ทันสมัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image