มิติใหม่การผจญภัย ‘ศรีลังกา’ สำรวจป้อมปราการ ตามหาวาฬสีน้ำเงิน

ล่องเรือชมวาฬและโลมา (Sea Safari) หากโชคดี นักท่องเที่ยวอาจพบ 'วาฬสีน้ำเงิน'

นอกเหนือจากจัดทริปแสวงบุญ ตะลุยไร่ชาซีลอน ส่องอัญมณีแล้ว หากเอ่ยถึงประเทศ ศรีลังกา จะนึกถึงอะไรอีกบ้าง?

เก็บคำตอบไว้ในใจก่อนได้ เพราะบรรทัดต่อจากนี้ไปอาจทำให้ภาพจำ “ศรีลังกา” ดูแปลกใหม่ จนเปลี่ยนไปตลอดกาล

ด้วยที่ตั้งของประเทศอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดีย โดยทั่วไปเป็นเกาะ มีทะเลล้อมรอบทุกทิศทาง จึงอยากแนะนำ เมืองกอลล์ (Galle) หรือเมืองชายทะเลที่อยู่ใต้สุดของศรีลังกา เต็มไปด้วยความสวยงาม ทรงเสน่ห์ดังสมญานาม “ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย” อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป

เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มากมายด้วยประวัติศาสตร์ และยังมีความสัมพันธ์กับประเทศไทยอย่างยาวนาน เช่น เมื่อปี พ.ศ.2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแวะพักที่เมืองกอลล์ ระหว่างเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก

Advertisement

เรื่องสะดุดตาของเมืองนี้คือการเป็นเมืองป้อม ซึ่ง ป้อมปราการเมืองกอลล์ (Galle Fort) สร้างขึ้นครั้งแรกโดยชาวโปรตุเกสสมัยเข้าปกครองศรีลังกาในปี ค.ศ.16 หรือในยุคล่าอาณานิคม แต่เดิมมีลักษณะเป็นกำแพงดินและรั้วไม้อยู่บนหน้าผา มีหอคอยทั้งหมด 3 แห่ง ต่อมา เมื่อชาวดัตช์เข้ามาปกครองได้บูรณะเป็นกำแพงหินแกรนิต และสร้างหอคอยเพิ่มเติม พร้อมขยายความยาวไปตามแนวมหาสมุทรรอบเมือง

ปัจจุบันป้อมปราการเมืองกอลล์เป็นป้อมที่ใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเอเชีย ตลอดจนได้รับการบรรจุให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก

“หอนาฬิกาเมืองกอลล์” สูงเด่นกลางป้อมปราการ

และด้วยความสูงของ หอนาฬิกาเมืองกอลล์ ทำให้เป็นที่เตะตาของนักท่องเที่ยว หอนาฬิกาแห่งนี้สร้างขึ้นพื่อเป็นการขอบคุณ ดร.พี. ดี. แอนโทนิสซ์ (1822-1903) แพทย์ผู้มีความเมตตากรุณา ทำการรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

Advertisement

นอกจากนี้ ทุกคนจะได้พบกับ ประภาคารกอลล์ (Galle Lighthouse) ที่หันหน้าออกสู่ทะเลสีเขียวมรกต นับเป็นประภาคารเก่าแก่ที่สุดของศรีลังกา อายุกว่า 170 ปี แถมยังเป็นประภาคารที่อยู่ใต้สุดของทวีปเอเชีย อีกหนึ่งจุดชมวิวยอดนิยมที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเลือกมาพักผ่อนหย่อนใจ

การเดินทางในเมืองนี้สามารถเดินเท้า ชมความงามทรงคุณค่าไปเรื่อยๆ หรือจะใช้บริการ “รถตุ๊กตุ๊ก” พาหนะยอดนิยมของศรีลังกา และคนขับสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ก็ดีอย่างยิ่ง

ประภาคารกอลล์ เก่าแก่กว่า 170 ปี

 

ศรีลังกายังส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบซาฟารี มีทั้ง Sea Safari ล่องเรือชมวาฬและโลมา บริเวณนอกชายฝั่งมาตาระ เมืองมิริสซ่า (Mirissa) และ Wild Safari นั่งรถจี๊ปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติยาลา (Yala National Park) ที่เมืองเอลลา (Ella)

อย่างไรก็ดี จุดขายของการล่องเรือชมวาฬและโลมาคือ หากโชคดี นักท่องเที่ยวอาจได้พบ วาฬสีน้ำเงิน สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อโตเต็มที่วาฬชนิดนี้อาจมีลำตัวยาวถึง 30 เมตร น้ำหนักกว่า 100 ตัน ที่สำคัญสามารถพบได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ หรือมีนาคมเท่านั้น

แน่นอน การผจญภัยในอุทยานแห่งชาติยาลาต่างจากการท่องเที่ยวซาฟารีที่แอฟริกา เพราะที่นั่นเป็นดินแดนของสัตว์ป่า ทว่าสัตว์ที่ยาลาอยู่บนพื้นฐานของความอุดมสมบูรณ์ ด้วยสภาพที่ตั้งอุทยานอยู่ติดทะเล ถือเป็นแหล่งอาหารชั้นเยี่ยม

ในอุทยานฯยาลา นักท่องเที่ยวจะได้นั่งในรถจี๊ปซาฟารี คันละ 6 คน ควบคุมโดยเรนเจอร์ชาวศรีลังกา ชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยชนิดสัตว์ที่อาจได้พบมีตั้งแต่เสือดาว ช้าง จระเข้ กวางดาว หมูป่า ควายป่า และนกกว่า 130 สายพันธุ์

คำแนะนำสำหรับการท่องเที่ยวชนิดนี้คือ ห้ามนักท่องเที่ยวลงจากรถเพื่อความปลอดภัย ควรใส่รองเท้าหุ้มข้อ ไม่ควรยื่นตัวออกนอกรถ ที่สำคัญคือห้ามทิ้งขยะภายในอุทยาน

 

ด้วยลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเกาะ ทำให้วิถีชีวิตชาวศรีลังกาผูกพันกับน้ำหรือทะเล ที่ เมืองค็อกคาลา จึงได้พบกับ การตกปลาบนไม้ค้ำ (Stilt Fishing) ซึ่งเป็นวิธีการตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวศรีลังกา

ชาวประมงจะนั่งทรงตัวอยู่บนไม้ค้ำ ซึ่งปักสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2 เมตร โดยวิธีการตกปลาแบบนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

เพราะความแปลกและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อ Stilt Fishing เริ่มโด่งดังขึ้น จึงเกิดการรับจ้างนั่งตกปลาเพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพสวยๆ กลับไปเชยชม

ทั้งนี้ คำบอกเล่าของผู้นำเที่ยวจาก “เวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์” บอกว่า การตกปลาด้วยวิธีดังกล่าว ชาวประมงจะใช้ “เข็ม” ตกปลา ไม่ได้ใช้เบ็ดแต่อย่างใด เพราะเมื่อเข็มลงไปในน้ำจะเกิดแสงสะท้อน ล่อปลาให้กินเหยื่อ

ถามว่าทำไมไม่ใช้วิธีทอดแห? คำถามนี้สำคัญ เพราะไกด์ให้คำตอบว่า เนื่องจากปลาที่ตกกันอยู่เป็นปลาชายฝั่ง ไม่ใช่ปลาน้ำลึก ดังนั้น หากชาวประมงทอดแหก็ถือว่าคุ้มค่า ได้ปริมาณปลาเยอะ แต่จะอยู่ได้เพียงระยะสั้น เพราะปลาเติบโตไม่ทัน คนศรีลังกาจึงพยายามดำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมและการเผื่อแผ่

การตกปลาบนไม้ค้ำ วิธีการตกปลาแบบดั้งเดิมของชาวประมงศรีลังกา

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบสัดส่วนการนับถือศาสนาของคนศรีลังกาแล้ว ที่นี่ ประชาชนนับถือศาสนาพุทธมากที่สุด รองลงมาคือฮินดู คริสต์ และอิสลาม ตามลำดับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพบศาสนสถานกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งของประเทศนี้

หากเฉพาะเจาะจงเพียง “วัด” ใน “โคลอมโบ” เมืองหลวงศรีลังกาก็มีวัดสำคัญอยู่มากมาย อาทิ วัดกัลณียา หรือวัดกัลนียาราชมหาวิหาร วัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศศรีลังกา สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,900 ปีที่แล้ว วัดนี้มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เสมือนเป็นสังเวชนียสถานของพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกา ด้วยเชื่อว่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ จำนวน 500 รูป เคยเสด็จมาที่วัดนี้ในวันวิสาขบูชา

ด้านในมีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม และยังเป็นที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระสารีริกธาตุ และต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ นับเป็น 1 ใน 13 ต้นที่แยกหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์อนุราธปุระ

บุโรพุทโธจำลอง ที่วัดคงคาราม
พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองสดใส

วัดคงคาราม หนึ่งในวัดนิกายสยามวงศ์ที่มีชื่อเสียง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และศิลปะ เพราะเป็นแบบผสมผสานระหว่างศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีน นอกจากนี้ยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองสดใสให้พุทธศาสนิกชนร่วมกราบไหว้

ความพิเศษของการมาเยือนวัดนี้คือ หากโชคดี นักท่องเที่ยวจะได้ร่วมพิธีมงคล การรับพระธาตุ โดยพระสงฆ์จะนำพระธาตุมาเทินบนศีรษะให้ เพื่อระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับความเชื่อว่า หากใครได้ทำพิธีมงคลบูชารับพระธาตุนี้ ทั้งชีวิตจะหมดเคราะห์ ตัดกรรม และมีโชคดีตลอดไป

คนเรามักมีกำแพงในใจกับหลายๆ เรื่อง การท่องเที่ยวต่างประเทศก็เช่นกัน ดังนั้น การเริ่มต้นออกเดินทาง เสาะแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งท้าทายอยู่ไม่น้อย

“ศรีลังกา” พร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยู่เสมอ


 

“ตุ๊กตุ๊ก” ยานพาหนะยอดนิยม

Unseen Sri Lanka Safari

ออกไปสัมผัส ศรีลังกา ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ เพราะตอนนี้รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศ ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยว แก่นักท่องเที่ยวกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง ประเทศไทย เป็นเวลา 6 เดือน แต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562-31 มกราคม 2563

ผู้เดินทางจะต้องเข้าไปลงทะเบียนขอวีซ่าท่องเที่ยวออนไลน์ในเว็บไซต์ eta.gov.lk พร้อมแนบหลักฐานสำคัญคือ พาสปอร์ตที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน, เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และเอกสารการจองที่พัก

เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทันที ซึ่งจะมีระยะเวลาพำนักในศรีลังกาได้ไม่เกิน 30 วัน

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อประเทศที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยวได้ที่เว็บไซต์ immigration.gov.lk

สำหรับเที่ยวบินจากประเทศไทยไปศรีลังกา (โคลอมโบ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง มีให้เลือกถึง 4 สายการบิน โดย 2 สายการบินที่ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ประกอบด้วย ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยแอร์เอเชีย (มี 1 จุดแวะหยุดพัก) และอีก 2 สายการบินที่ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือการบินไทย และศรีลังกันแอร์ไลน์

หรือถ้าอยากได้ตัวเลือกนำเที่ยว บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” ได้ร่วมกับบริษัทนำเที่ยว เวิลด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ จัดแพคเกจ Unseen Sri Lanka Safari ท่องเที่ยวศรีลังกาในราคาพิเศษตลอด 4 วัน 3 คืน ราคาเริ่มต้น 27,400 บาทต่อคน สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

ออกเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้-31 มีนาคม 2563 (ควรจองล่วงหน้าประมาณ 7 วันก่อนเดินทาง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.ktcworld.co.th

พิเศษ! สมาชิกบัตร KTC World Travel Service สามารถแบ่งชำระสบายๆ กับ KTC FLEXI 0% นานถึง 6 เดือน

หนึ่งแพคเกจประกอบด้วย บัตรโดยสารชั้นประหยัดสายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์, โรงแรม, สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ อาทิ วัดกัลณียา วัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของศรีลังกา, เมืองกอลล์ เมืองชายทะเลที่มีประวัติศาสตร์สำคัญ, ล่องเรือชมวาฬสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย (Sea Safari) และนั่งรถจี๊ปซาฟารี ชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติยาลา (Wild Safari)

แล้วพบกันที่ศรีลังกา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image