35 ปีที่รอคอย ‘สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส’ เสด็จเยือนไทย จารึกในดวงใจคริสตชน

ธงตราสัญลักษณ์วาติกัน พร้อมด้วยธงชาติไทยปลิวไสวสลับกับเสียง “Viva Il Papa” (ภาษาอิตาเลียน แปลว่า ทรงพระเจริญสมเด็จพระสันตะปาปา) ที่คริสตชนเปล่งออกมาดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ระหว่างเยือนไทยเมื่อวันที่ 20-23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนจะทรงเดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น เสด็จเยือนฮิโรชิมาและนางาซากิ 2 เมืองของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดปรมาณูช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

การเสด็จเยือนเพื่ออภิบาลประเทศไทย และญี่ปุ่น ครั้งนี้นับเป็นการเสด็จเยือนประเทศในทวีปเอเชียครั้งที่ 4 ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หลังจากเสด็จเยือนประเทศเกาหลี เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ประเทศศรีลังกาและฟิลิปปินส์ ในเดือนมกราคม 2558 ประเทศเมียนมา และบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 2560 และเป็นครั้งที่ 32 ที่ทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อเสด็จเยี่ยมอภิบาลนอกประเทศอิตาลี

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรคาทอลิกพระองค์ที่ 2 ที่เสด็จเยือนประเทศไทยต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งเคยเสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2527

ทว่า นอกเหนือจากจะครบรอบ 35 ปี ที่สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการแล้ว คริสตศักราช 2019 นี้ ยังเป็นห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก กับประเทศไทยมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน นับตั้งแต่การก่อกำเนิด “มิสซังสยาม” ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2212 ภายใต้การผลักดันของพระสังฆราชฟรังซัวส์ ปัลลือ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา

Advertisement

อีกทั้งยังครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน ซึ่งได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2512

กว่า 35 ปีที่รอคอย ทุกวินาทีที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงพำนักในประเทศไทยได้นำมาซึ่งความปลื้มปีติยิ่งแก่คริสต์ศาสนิกชนไทย

Advertisement

 

ทรงเข้าพบผู้นำพุทธศาสนา-เสด็จอวยพรผู้ป่วย

นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเดินทางถึงประเทศไทย ทรงประกอบศาสนกิจสำคัญมากมาย โดยวันที่ 21 พฤศจิกายน เสด็จเข้าเฝ้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราชมีพระดำรัสรับเสด็จตอนหนึ่งว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตรสมเด็จพระสันตะปาปา ผู้ทรงสมณคุณอันประเสริฐ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ไทย ขอถวายอนุโมทนาสาธุการ ในโอกาสที่มหาบพิตรเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย และเสด็จมา ทรงเยี่ยมอาตมภาพในวาระนี้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพึงจดจารึกไว้เป็นศุภนิมิตแห่งน้ำใจไมตรีที่ศาสนจักรโรมันคาทอลิกกับพุทธจักรไทยมีสืบเนื่องกันมาอย่างแน่นแฟ้น ราบรื่น และงดงาม เป็นเวลาเนิ่นนานนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา

จากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จ บริเวณวัดเซนต์หลุยส์ ท่ามกลางคริสตชนคาทอลิกชาวไทยและต่างชาติ ประชาชนที่นับถือศาสนาอื่นๆ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก

โดยกำหนดการเสด็จเยือนโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์นั้น สมเด็จพระสันตะปาปาจะประทานโอวาทแก่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลคาทอลิก 4 โรงพยาบาล จากนั้นเสด็จอวยพรผู้ป่วยผู้สูงอายุ ภายในอาคารร้อยปีบารมีบุญ

เสียงสรรเสริญ “Viva Il Papa” ดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จผ่าน ในโอกาสนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาปฏิสันถาร ทรงโอบกอดเด็กๆ และจูบอวยพรทารกที่มาเฝ้ารับเสด็จ ณ รพ.เซนต์หลุยส์

“เครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา” เป็นหนึ่งกลุ่มที่ได้รับอนุญาตจากสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย ให้ร่วมเก็บภาพประวัติศาสตร์ระหว่างสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนไทย

ทรงจูบอวยพรทารกที่มาเฝ้ารับเสด็จ ณ รพ.เซนต์หลุยส์ภาพโดย เครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา

ภูเบศ เนตรปฐมพรกิจ ประธานเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า เครือข่ายฯได้ขออนุญาตเข้าร่วมถ่ายภาพ ซึ่งสื่อมวลชนคาทอลิกฯให้เกียรติตอบรับเข้าร่วม โดยเยาวชนจิตอาสาได้รับมอบหมายให้ถ่ายภาพในมุมยืนร่วมกับประชาชนและสื่อมวลชน รวมทั้งเก็บภาพเบื้องหลังการเตรียมงาน พร้อมเผยลงในเพจเฟซบุ๊ก “ช่างภาพเยาวชนจิตอาสา”

ด้าน วิไลวรรณ ปรีชาวุฒิ หนึ่งในประชาชนที่มารอเฝ้ารับเสด็จกล่าวด้วยความปลาบปลื้มใจว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา เพราะเมื่อ 35 ปีที่แล้วได้เฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 บรรยากาศที่สัมผัสได้ไม่แตกต่างกันเลย เนื่องจากมีประชาชนมารอเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก ทุกคนล้วนอยากเห็นพระพักตร์ ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสเช่นนี้

เรือนแสนร่วม ‘มิสซา’
คริสตชนปลาบปลื้ม กลั้นน้ำตาไม่อยู่

ในวันเดียวกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต จากนั้นเสด็จไปยังสนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อประกอบ พิธีบูชาขอบพระคุณ หรือพิธีมิสซา

เมื่อเสด็จถึง ทรงเปลี่ยนรถพระที่นั่ง ทรงทักทายผู้เข้าร่วมพิธีตั้งแต่บริเวณสนามฟุตบอลเทพหัสดิน ไปจนถึงในสนามศุภชลาศัย คริสตชนต่างส่งเสียง “Viva Il Papa” ดังกึกก้อง พร้อมโบกธงชาติไทยและธงวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาทรงโบกพระหัตถ์ แย้มพระสรวล และทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปสัมผัสมือผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จ ทำให้คริสชนบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอาไว้ไม่อยู่

ในห้วงเวลานี้ มีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 70,000 คน ร่วมเฝ้ารับเสด็จและร่วมพิธีมิสซา โดยพิธีสำคัญนี้เริ่มขึ้นในเวลา 18.10 น. สมเด็จพระสันตะปาปาให้ศีล คริสตชนสวดภาวนาหลังรับศีล จากนั้นเวลา 18.36 น. สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเทศน์เป็นภาษาสเปน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทรงประกอบพิธีมิสซา ณ สนามศุภชลาศัย (เครดิตภาพ AFP)

เทเรซา อรุณี ทองศรี พร้อมครอบครัวจำนวน 10 คน เผยว่า ทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี เดินทางถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ก่อนจะไปพักที่ จ.ปทุมธานี และในวันดังกล่าวมาถึงสนามศุภชลาศัยตั้งแต่เวลา 06.00 น. เตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มาพร้อมระหว่างรอรับเสด็จ

“ดิฉันและครอบครัวอยากมารับเสด็จ เพราะมีความศรัทธาและตื่นเต้น อยากเห็นพระพักตร์ของสมเด็จพระสันตะปาปาสักครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเรา อยากเห็นพระสันตะปาปาทรงประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ และพิธีครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวไทยเช่นกัน” เทเรซา อรุณีกล่าว

เช่นเดียวกับ สิตางศุ์ แผนสท้าน อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ที่กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีกำหนดการจะเสด็จเยือนไทยนั้น ในฐานะคริสตชนชาวไทยรู้สึกตื่นเต้นและมีความยินดี อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ร่วมในพิธีบูชามิสซาครั้งสำคัญนี้แล้ว สำหรับชาวคาทอลิกถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้รับพระพรจากเป็นเจ้าผ่านทางพระองค์ด้วย สำหรับคนคนหนึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เฝ้ารับเสด็จพระประมุขของศาสนจักร พระองค์ทรงมีภารกิจมากมาย ยิ่งได้ทราบว่าพระองค์ทรงตั้งพระทัยมาอวยพระพรให้แก่เยาวชนเป็นพิเศษ ยิ่งปลื้มปีติเป็นล้นพ้น

การเสด็จเยือนไทยครั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกอบพิธีมิสซารวม 2 ครั้ง 1.สำหรับประชาชนชาวไทย ณ สนามศุภชลาศัย คืนวันที่ 21 พ.ย. และ 2.สำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก ช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ย.

ทรงประกอบศาสนกิจมิหยุดพัก

ระหว่างเยือนไทยเป็นวันที่ 3 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จไปยัง วัดคาทอลิกนักบุญเปโตร อ.สามพราน จ.นครปฐม ทรงพบกับคณะบาทหลวงนักบวช นักพรต สามเณร ผู้ฝึกหัด ครูคำสอน และทรงปราศรัย

ทรงพบบรรดาบิชอปของไทย และบิชอปของสหพันธ์สภาบิชอปแห่งเอเชีย (FABC) และทรงปราศรัย ณ สักการสถานบุญราศีนิโคลาสบุญเกิด กฤษบำรุง

ช่วงบ่าย ทรงพบ 5 ผู้นำศาสนา ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ ผู้แทนมหาเถรสมาคม (มส.) สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.), ศาสนาอิสลาม นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี, ศาสนาพราหมณ์ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์, ศาสนาซิกข์ นายปานชัย สิงห์สัจเทพ นายกสมาคมศรีคุรุสิงห์ และผู้แทนศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ รวมถึงประชาคมจุฬาฯ

ทรงเข้าพบ 5 ผู้นำศาสนา

จากนั้น เสด็จขึ้นเวทีหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ กราบทูลรายงานและถวายหนังสือภาษาอังกฤษ ชุดทรงคุณค่าของจุฬา ได้แก่ หนังสือ 100 ปีจุฬาฯ ร.9 กับจุฬา ประวัติความสัมพันธ์ไทยกับวาติกัน ที่เกี่ยวข้องในสมัย ร.5 แด่สมเด็จพระสันตะปาปา

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงมีดำรัสต่อผู้นำศาสนาและประชาคมจุฬาฯ ตอนหนึ่งว่า เมื่อ 122 ปีที่แล้ว ในปี ค.ศ.1897 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงโรม พระองค์ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 นับเป็นครั้งแรกที่มีประมุขของรัฐที่ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชนเยือนนครรัฐวาติกัน การระลึกถึงวาระที่สำคัญดังกล่าวรวมถึงทั้งรัชสมัยของ ร.5 ที่ทรงมีคุณูปการอย่างเหลือล้น รวมถึงการเลิกทาสทำให้เราได้ย้อนคิดและกระตุ้นให้เรามุ่งมั่นดำเนินการตามแนวทางของการสานเสวนาและการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน สิ่งนี้ควรดำเนินการต่อไปอย่างจริงจังด้วยสำนึกแห่งภราดรภาพ อันจะช่วยยุติภาวะการเป็นทาสที่ยังคงมีอยู่มากมายหลายรูปแบบในยุคปัจจุบัน เช่นที่พบอยู่ในกรณีปัญหาการค้ามนุษย์

เย็นวันนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จไปอาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก เพื่อประกอบพิธีมิสซา ในโอกาสนี้ พระสันตะปาปาปฏิสันถาร ทรงจูบอวยพรทารก 2 คนที่รอเฝ้ารับเสด็จ ซึ่งในพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้มีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 6,700 คน ร่วมสวดภาวนา รับศีล และฟังเทศน์ภาษาสเปนจากพระสันตะปาปาประมาณ 1 ชั่วโมง

และในวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นวันสุดท้าย ก่อนในช่วงสายจะมีพิธีการอำลาส่งเสด็จ ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ อาคาร 2 ดอนเมือง เสด็จเยือนเพื่ออภิบาลประเทศญี่ปุ่นต่อไป

ตลอด 4 วันที่ผ่านมา นับเป็นห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่คริสตชนไทยจะจารึกไว้ในใจตราบนานเท่านาน

 

การมาเยือนของมิตรแท้อันเก่าแก่

การเสด็จเยือนต่างประเทศแต่ละครั้ง สมเด็จพระสันตะปาปามีธรรมเนียมปฏิบัติเข้าพบคณะบาทหลวง นักบวชชายหญิง นักพรต สามเณร ผู้ฝึกหัด ครูคำสอน รวมทั้งเข้าพบผู้นำศาสนา

สำหรับประเทศไทย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ในวันที่ 2 ของการเยือน

โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงมีดำรัสสำคัญรับเสด็จตอนหนึ่งว่า เมื่อ 35 ปีล่วงมาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เฉพาะพระพักตร์พระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถแห่งนี้ สมเด็จพระอุปัชฌายะของอาตมภาพ คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ได้เสด็จลงทรงรับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกเสด็จมาทรงเยี่ยมประมุขแห่งพุทธจักรไทย ณ ราชอาณาจักรไทย ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของอาตมภาพ ผู้มีโอกาสได้เฝ้าอยู่ในการดังกล่าวด้วย

“การเสด็จมาครั้งนี้ของมหาบพิตรจึงไม่ใช่การมาของมิตรใหม่ หากแต่เป็นการมาเยือนของมิตรแท้อันเก่าแก่ของคนไทย ระยะทางที่ห่างไกลกันหาใช่อุปสรรคของความสนิทสนมกลมเกลียวกัน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ว่า ‘ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมผ่านพ้นศัตรูทั้งปวง’

“บัดนี้ มหาบพิตรทรงพระอุตสาหะตรากตรำพระวรกายบนหนทางแสนไกล เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทย และมาทรงเยี่ยมอาตมภาพด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพถึงที่นี้ อาตมภาพขอสนองน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยมิตรภาพนั้นๆ ตอบถวาย เป็นหลายเท่าทวีคูณ ด้วยอานุภาพแห่งพระเมตตาธรรม”

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ส่งเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ภายหลังเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562 โดยเสด็จเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image