เจาะผลสัมฤทธิ์ ‘บ้านตาดรินทอง’ แก้แล้งชะงัดจากงานวิจัยท้องถิ่น

“บ้านตาดรินทอง” ตำบลธาตุทอง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีปัญหาด้านน้ำ แม้จะตั้งอยู่บนที่สูงบนเทือกเขาภูแลนคาด้านทิศหนือ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำปะทาว สาขาหนึ่งของแม่น้ำชี ที่ไหลลงจังหวัดชัยภูมิ แต่ชาวบ้านกลับมีน้ำไม่พอใช้ หลังจากฤดูฝนแม้จะมีน้ำเต็มแอ่งน้ำ แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนน้ำที่มีอยู่ก็เริ่มน้อยลง พอหน้าแล้งน้ำก็แห้งหมด เกิดวิกฤตอย่างแสนสาหัสชาวบ้านต้องไปหาน้ำจากที่อื่นมาใช้ เกิดศึกชิงน้ำ ชุมชนไร้ความสุข แต่หลังจากที่มีงานวิจัยเข้าไปขับเคลื่อนทำให้ชุมชนเกิดความตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา จนสามารถคลี่คลายปัญหาไปในทางที่ดี ทำให้วันนี้ชุมชนบ้านตาดรินทองมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี คนในชุมชนกลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมกับอาชีพใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน

“น้ำ” เป็นปัญหาสำคัญของบ้านตาดรินทอง สาเหตุที่น้ำแห้งไม่พอใช้ มาจากท่อประปาแตกหลุดเสียหาย เพราะความสูงและลาดชันของพื้นที่ภูเขาระหว่างต้นน้ำที่ฝ่ายกุฏิ 11 วัดป่ามหาวัน ที่ใช้ทำน้ำประปา ถึงหมู่บ้านมีความสูงต่างระดับกันถึง 130 เมตร และมีระยะทาง 4 กิโลเมตร ทำให้เกิดแรงดันน้ำจากภูเขาถึงหมู่บ้านมีปริมาณมหาศาล ประกอบกับท่อประปาที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ท่อประปาหลุดแตกเสียหายเป็นประจำตั้งแต่ปี 2548 หรือ กว่า 13 ปี และกว่าจะรู้ตัวว่าท่อแตกน้ำก็ไหลทิ้งเป็นวันๆ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่ามหาวัน เกิดความห่วงใยว่า “น้ำประปาที่ฝ่ายกุฏิ 11 ถ้ายังไม่มีการจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางที่ถูกที่ควรแล้ว คาดว่าไม่เกิน 5 ปี น้ำที่อยู่เหนือฝายก็จะหมดไป”

โครงการ “รูปแบบการจัดการน้ำประปาภูเขาที่เอื้อต่อการอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำภูหลง โดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนบ้านตาดรินทอง ตำบลธาตุทอง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ” จึงถือกำเนิดขึ้น ในปี 2559 โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อแก้ปัญหาระบบโครงสร้างประปาภูเขา ลดการสูญเสียน้ำระหว่างทาง และการอนุรักษ์รักษาแหล่งต้นน้ำให้อยู่อย่างยั่งยืนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม ที่สำคัญเพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อทุกคน

สุนันทา โรจน์เรืองไร ผู้ประสานงาน จากศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า ทางศูนย์ อาสาเข้ามาช่วยแก้ปัญหาโดยอาศัยงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นเป็นเครื่องมือ เรียกว่า การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม การดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเป็นการสำรวจสภาพพื้นที่อย่างละเอียด นักวิจัยดำเนินการศึกษาบริบทชุมชน จัดเก็บข้อมูล และระบบโครงสร้างประปาภูเขาแต่การแก้ปัญหาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักวิจัยพัฒนาและอุทกวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ จัดส่งนายศักดิ์ชัย ตันติวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสวนอุทกวิทยา สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 10 สุราษฎร์ธานี เข้ามาร่วมศึกษาข้อมูลร่วมกับชุมชน ช่วงที่สองเป็นการวางแผนซ่อมบำรุงรักษาระบบประปาภูเขา

Advertisement

จากการศึกษาพบว่า พ.ศ.2547 เป็นปีที่เริ่มขาดแคลนน้ำ ชุมชนแก้ปัญหาโดยการติดตั้งมิเตอร์และเก็บค่าน้ำหน่วยละ 2 บาท และจัดตั้งคณะกรรมการจัดการน้ำชุมชนขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้คนในชุมชนลดการใช้น้ำได้ กระทั่งปีเกิดการทะเลาะขัดแย้งแย่งชิงการใช้น้ำอย่างหนัก ในที่สุดคณะกรรมการ ลาออก ทำให้มีการใช้น้ำอย่างอิสระจะเก็บเงินต่อเมื่อท่อมีปัญหา กระทั่งปี 2555-2559 เกิดภาวะแล้งและเกิดไฟป่า เดือนมีนาคม-มิถุนายน 2558 ชุมชนต้องประสบวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง

ผลการสืบค้นชาวบ้านได้รู้ถึงสาหตุของปัญหา จากเดิมที่เคยคิดว่าสาเหตุน้ำแห้ง เพราะน้ำบนภูเขามีน้อยลง ปัญหาของระบบประปา การจัดการน้ำขาดประสิทธิภาพ และการทำเกษตรบนภูเขา แต่หลังศึกษาข้อมูลพบว่า บางอย่างก็ไม่ใช่อย่างที่เคยคิดไว้ เช่น ปัญหาจากแรงดันน้ำ และคุณภาพของท่อประปาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้น้ำน้อย จึงนำมาสู่การแก้ปัญหาอย่างตรงจุดด้วยกัน 3 เรื่อง คือ 1.การมีส่วนร่วมของชุมชน 2.การใช้งานวิจัยแก้ปัญหา และ 3.การบริหารจัดการน้ำของคณะกรรมการน้ำชุมชน หลังจากสืบค้นปัญหานำมาสู่เวทีการวางแผนงานประปาภูเขา โดยความร่วมมือจากสำนักวิจัยพัฒนาและอุทกวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และหาทางออกร่วมกับทางชุมชน ทำให้เกิดการเรียนรู้ปัญหาและแนวทางแก้ปัญหา คือ “การลดแรงดันน้ำ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านเคยพยายามทำมานานแต่ยังทำไม่สำเร็จ

Advertisement

“ผลงานวิจัยได้หยุดปัญหาท่อแตกหลุดโดยสิ้นเชิง ทำให้มีน้ำสะอาดและใช้เพียงพอครบ 111 หลังคาเรือน ชาวบ้านมีความสุข มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถประหยัดไฟฟ้า และมีน้ำคืนสู่ป่าต้นน้ำ โดยงานวิจัยทำไห้ชุมชนค้นพบว่า การต่อข้อต่อเพื่ดลดแรงดัน ไม่ได้ลดแรงดันน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ได้ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำ ผลักดันน้ำขึ้นสู่ที่สูงได้ด้วย” นายณัฐพงษ์ แสกระโทก ผู้ใหญ่บ้านตาดรินทอง ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวพร้อมเล่าย้อนความหลังให้ฟังอีกว่า “หลังประสบความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมาในครั้งนั้น ชุมชนก็ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำประปามาโดยตลอด ที่เจอเป็นประจำ คือ ปัญหาท่อหลุดท่อแตก แก้ปัญหาแต่ละครั้งก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ละปีน้ำไม่พอใช้ โดยเฉพาะเดือนมีนาคม น้ำจะแห้ง ต้องหยุดใช้น้ำ 1-2 สัปดาห์ รอให้มีน้ำซับจากภูเขาลงมาเข้าฝายจึงเริ่มใช้ใหม่ แต่ไม่นานน้ำก็หมดอีก เป็นอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ปี 2545 และปัญหาน้ำกระจายไปไม่ทั่วถึงทุกคุ้ม จากทั้งหมด 9 คุ้ม แต่มี 2-3 คุ้มที่ประสบปัญหาน้ำประปาไปไม่ถึง เนื่องจากชุมชนที่นี่มีระดับที่ตั้งแตกต่างกันกว่า 10 เมตร โดยเฉพาะคุ้มที่อยู่บนที่สูง น้ำประปาไม่สามารถดันน้ำให้ขึ้นไปได้ถึง เกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นในชุมชน”

หลังทำงานวิจัยนอกจากได้แนวทางการทำงานร่วมกันแล้ว ชุมชนยังได้องค์ความรู้วิธีการแก้ปัญหาทั้งระบบท่อประปาภูเขา และวิธีการลดแรงดันน้ำที่ถูกต้องด้วยการแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจเรื่องการลดแรงดันมากขึ้น และยังพบว่านอกจากจะช่วยลดแรงดันน้ำที่ไหลลงจากภูเขาแล้ว ยังช่วยเพิ่มแรงดันหรือผลักดันน้ำจากที่ต่ำขึ้นไปสู่ที่สูงได้ ทำให้ตอนนี้ทุกคุ้มทุกครัวเรือนมีน้ำใช้ทั่วถึง ชาวบ้านต่างก็มีความสุขที่มีน้ำใช้ ไม่ต้องลำบาก และไม่มีปัญหาขัดแย้งแย่งชิงการใช้น้ำอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image