ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะ “ป่าไม้และสัตว์ป่า” สอดสัมพันธ์พึ่งพาอาศัยกันยากจะแยกจาก อีกทั้งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและสัตว์นานาพันธุ์ยังสะท้อนถึงระบบนิเวศที่มนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัย ทว่าน่าหดหู่ ที่มนุษย์ในโลกปัจจุบันกลับเป็นตัวแปรสำคัญทำลายทรัพยากรเหล่านี้ ด้วยการรุกล้ำเข้าครอบครองพื้นที่ป่าไม้ และคุกคามการดำรงอยู่ของสัตว์ป่า เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือทางธุรกิจ
หลายภาคส่วนจึงได้ร่วมกันรณรงค์สร้างความตระหนักในการร่วมกันอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้ป่าไม้และสัตว์ป่าสูญพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ อย่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด และบริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดโครงการ ปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการประกวดภาพถ่าย ในหัวข้อ “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ครั้งที่ 25 ประจำปี 2562 โดยได้จัดพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ที่ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถ้วยประทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ไปเมื่อเร็วๆ นี้
“เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพได้ถ่ายทอดความงามของทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ” คือความมุ่งมั่นตั้งใจของ ประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่บอกอีกว่า การมอบรางวัลครั้งนี้ไม่เพียงถ้วยรางวัล โล่รางวัล หรือทุนการศึกษาเท่านั้น แต่ยังได้สิทธิในการท่องเที่ยวและเข้าพักในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมและค่าที่พักเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
“การถ่ายภาพเหล่านี้จะเป็นการส่งต่อความงดงามและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย” รองอธิบดีฯกล่าว
ในปีนี้มีเยาวชนและประชาชนทั่วไปส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 2,061 ภาพ แบ่งเป็นภาพสัตว์ป่า 1,224 ภาพ และภาพป่าไม้ 837 ภาพ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมากว่า 300 ภาพ โดยการประกวดได้แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับบุคคลทั่วไป และระดับนักเรียน นิสิตนักศึกษา
ทั้งนี้ บริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ร่วมสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยนำภาพถ่ายไปตกแต่งร้านกาแฟ Jungle Cafe’ สานต่อแนวคิด DRINK MORE FOR FOREST ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ประเทศลาว และกัมพูชา มุ่งเน้นขยายการรับรู้ด้วยการคัดเลือกภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดมาใช้ตกแต่งร้าน ของที่ระลึกและสื่อต่างๆ ภายในร้าน เพื่อถ่ายทอดความงดงามสู่คนรุ่นใหม่ ให้เกิดความรู้สึกรักหวงแหน คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ โดยปีนี้ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติทั้งสัตว์ป่า ป่าไม้
ฑีฆายุ วีระวุฒิ คือ เยาวชนผู้ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รางวัลเกียรติยศประเภทสัตว์ป่า จากผลงาน “จ้อง”
แม้จะเป็นปีแรกที่ร่วมประกวดถ่ายภาพ แต่เจ้าตัวเผยว่า เป็นคนที่ชอบถ่ายภาพเกี่ยวกับสัตว์ป่าโดยเฉพาะเสือมาตั้งแต่อายุ 19 ปี และรอมาหลายปีกว่าจะได้ภาพของเสือดาวที่เดินมาด้วยอำนาจของความเป็นเจ้าป่าในพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์
“ผมนำภาพนี้เข้าประกวดเพราะอยากให้ทุกคนได้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และท่าทางกริยาของสัตว์ป่าที่ไม่สามารถหาชมได้ง่ายๆ เพื่อที่ทุกคนหากได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมธรรมชาติ เข้าป่าจะได้ร่วมกันอนุรักษ์ดูแลเพื่อให้ผืนป่าเป็นแหล่งพักพิงแก่สัตว์ป่า และทุกคนบนโลกใบนี้”
ด้วยเพราะตอนนี้เทรนด์การท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ป่าไม้ได้รับความสนใจมากขึ้น
ฑีฆายุขอฝากถึงทุกคนที่ไปเที่ยวป่า ชมธรรมชาติและสัตว์ป่า อย่าทิ้งขยะหรือทำลายธรรมชาติ และไม่ควรจะเอาธรรมชาติกลับบ้าน เพราะที่ผ่านมาเห็นขยะในป่าจำนวนมาก ทั้งที่หน่วยงาน อุทยานแห่งชาติพยายามป้องกันและดูแลเรื่องเหล่านี้ แต่อาจจะไม่เพียงพอ นักท่องเที่ยวต้องมีส่วนร่วมไม่ทิ้งขยะไว้ในป่า ต้องช่วยกันดูแล ไม่ทำลายธรรมชาติ หรือสัตว์ป่าด้วย
เช่นเดียวกับ ปุลิน เวชโช เจ้าของภาพ ‘ป่าพรุควนเคร็ง’ ผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศ ประเภทป่า ไม้ ได้รับถ้วยประทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
โดยภาพที่นำเสนอนั้น เป็นภาพป่าพรุที่ถูกทำลายจากไฟที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ และเกิดจากไฟป่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำลายป่าที่รุนแรง และส่งผลเสียมหาศาลต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
ปุลิน เผยว่า ที่สนใจถ่ายภาพป่า เพราะมองป่าไม้มีคุณค่าต่อทุกคน ต่อโลก แต่ที่ผ่านมาคนได้เข้าไปรุกล้ำและใช้ประโยชน์จากป่าไม้ โดยไม่สนใจว่าส่วนรวม อนาคตจะเป็นอย่างไร อยากนำเสนอภาพถ่ายป่าในพื้นที่ต่างๆ ให้ทุกคนได้เห็น สะท้อนให้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ ดูแลทรัพยากรป่าไม้
“เราได้มีโอกาสไปทำงานร่วมกับพี่ๆ ช่างภาพและนักข่าว ทำให้ทราบข้อมูลว่าป่าไม้ถูกทำลายค่อนข้างมาก อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนักให้แก่ทุกคนผ่านภาพถ่าย ส่วนที่มาร่วมในโครงการนี้เพื่อทำตามความฝันให้พ่อ เพราะครั้งหนึ่งพ่อเคยเข้าร่วมและได้รับรางวัล เมื่อเดือนที่ผ่านมาพ่อได้เสียชีวิต รางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่มอบให้แก่พ่อของตนเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้เราถ่ายภาพป่าไม้ เพื่อร่วมส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่กับโลกต่อไป”