‘เกี่ยวข้าว’ บนสวนผักออร์แกนิคลอยฟ้า กุศโลบายเพื่อเกษตรปลอดภัย ปลุกไทยต้านสารเคมี

“วิถีการเกษตรดั่งเดิมของประเทศไทยนับว่าเป็นต้นทุนที่ดีมาก แต่ปัจจุบันกลับพบการใช้สารเคมีในปริมาณที่สูง

ซึ่งนอกจากสร้างผลกระทบต่อสุขภาพเกษตรกรและผู้บริโภคแล้ว ยังทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย ฉะนั้นเกษตรกรในประเทศไทยจึงเข้าข่ายยิ่งทำยิ่งจน”

คือมุมมองของ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ที่ขอปลุกคนไทย ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เลิกนำสารพิษเข้าร่างกาย

โดยชักชวนชาวธรรมศาสตร์กว่า 100 ชีวิต ตั้งแต่คณาจารย์ นักศึกษา และศิษย์เก่า ร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวสายพันธุ์ข้าวหอมธรรมศาสตร์ ภายใต้กิจกรรม “มาเกี่ยวข้าวกัน” บนสวนผักออร์แกนิคลอยฟ้าใหญ่ที่สุดในเอเชีย

Advertisement
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล

ณ อาคารอุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ที่ถือเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมานี้

ผศ.ดร.ปริญญาบอกว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงสามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงอยากชักชวนให้ประชาชนเริ่มต้นด้วยการเลิกนำสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ไม่บริโภคผัก-ผลไม้ที่มีสารเคมี ซึ่งที่สุดแล้วจะนำไปสู่การเกษตรกรรมที่ปลอดจากสารก่อมะเร็งในอนาคต

ผศ.ดร.ปริญญาเผยว่า หลังคาของอาคารอุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด “หลังคาสีเขียว” ซึ่งเป็นการใช้ร่มไม้ปกคลุม

Advertisement

ขณะเดียวกันก็มีการปลูกพืชออร์แกนิคสำหรับรับประทาน อาทิ ข้าว กระเจี๊ยบ ตะไคร้ กะเพรา ฯลฯ หมุนเวียนกันไป โดยผักจะถูกส่งไปเป็นวัตถุดิบของศูนย์อาหารออร์แกนิค 100% ส่วนข้าวจะถูกนำไปหุงให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 รับประทาน

“หลังคาของอาคารอุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี นับว่าเป็นสวนผักออร์แกนิคลอยฟ้าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชีย และถือเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ดังนั้นการปลูกข้าวบนสถานที่แห่งนี้ นับเป็นกุศโลบายที่จะทำให้คนสนใจ และหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเกษตรปลอดภัยอย่างจริงจัง” ผศ.ดร.ปริญญาทิ้งท้าย

ด้าน เอกชัย ราชแสง นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ข้าวที่ปลูกบนหลังคาอาคารอุทยานเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มีชื่อว่า “ข้าวหอมธรรมศาสตร์”

ซึ่งภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนาสายพันธุ์มาจากข้าวหอมมะลิ 105 แต่จะมีจุดเด่นกว่าตรงที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 90 วันเท่านั้น โดยข้าวสายพันธุ์นี้เหมาะสมกับการปลูกแบบปลอดสารเคมีโดยเฉพาะ

“ขั้นตอนหลังจากนี้ เราก็จะนวดข้าวให้เหลือเฉพาะเมล็ด แล้วตากแห้งประมาณ 28 วัน จากนั้นก็จะนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อสำหรับหุงต้อนรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในปีการศึกษาต่อไป” เอกชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image