Next Normal ‘ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์’ รับมือดิสรัปชั่นอย่างไรในวันที่โควิดจางหายไป

ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์

วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อยและมนุษย์เงินเดือน เฉพาะในประเทศไทยต้องตกงานแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน หลายคนต้องปรับเปลี่ยนอาชีพต่อชีวิต รอคอยโลกใบใหม่ที่จะคืนกลับมาหลังมรสุมใหญ่ผ่านพ้น

แต่ทว่า แน่นอน ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม!

“โควิด-19 ส่งผลกระทบทุกคน กระทบทุกวงการแต่กระทบไม่เท่ากัน อย่าง ร้านอาหารทั่วไปทุกแบรนด์ที่ทำดิลิเวอรีให้ขายดีแค่ไหนก็ตามจะได้แค่ 10% ของยอดขายปกติ เช่น เคยได้วันละล้านจะเหลือแค่แสนเดียว เพราะกำลังซื้อต่อคนลดลง”

“ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์” บอกถึงสถานการณ์ของผู้ประกอบการร้านอาหารในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับมือกับ ดิสรัปชั่น เป็นคนไทยคนแรกๆ ที่เห็นถึงผลกระทบของดิสรัปชั่นต่อการทำธุรกิจ นอกจากมีประสบการณ์การทำงานในสายอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจแฟรนไชส์ ดังกิ้น โดนัท, โอ บอง แปง, บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ รวมถึงร้านอาหารสุดฮิป เกรย์ฮาวด์ คาเฟ่

Advertisement

ความที่สนใจเรื่องธุรกิจ การลงทุน เทคโนโลยี โลกดิจิทัล ผสมกับความชอบส่วนตัวที่มักสมัครเรียนหลักสูตรอบรมต่างๆ ทำให้มีคลังความรู้ใหม่ๆ ก่อนใคร จึงแบ่งปันความรู้ที่มีเป็นวิทยากรพิเศษ อาจารย์พิเศษ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ผ่านทางเพจ/ยูทูบ/พอดแคส drsupachai เป็นนักเขียนแนวสร้างแรงบันดาลใจมีผลงานในแอพพลิเคชั่น 2read.digital รวมทั้งรับเชิญเป็นกรรมการบริษัทต่างๆ อาทิ กรรมการอิสระ บมจ.ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี กรรมการมูลนิธิพัฒนาท่องเที่ยวยั่งยืนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นต้น

ชื่อของ “ดร.ซิดนีย์” ยังเป็นที่รู้จักในบทบาทของหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Ultra Wealth Group จัดทำหลักสูตรที่สอนโดยผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงนักลงทุน แหล่งรวมของนักธุรกิจระดับครีมของประเทศ และล่าสุดกับตำแหน่งผู้บริหาร fivewhale.com ในการจัดทำหลักสูตรอบรมสำหรับผู้บริหารระดับสูง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดิสรัปชั่น “ดร.ซิดนีย์” บอกว่า เราต้องปรับตัวใหม่หมด ความรู้ที่เคยมีมาแต่นี้ไปใช้ไม่ได้แล้ว ต้อง อันเลิร์น รีเลิร์น และอัพสกิล เรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา บรรดามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ถ้าจะให้ปลอดจากความเสี่ยงต้องทำงานอย่างน้อย 3 จ๊อบ ขณะเดียวกันก็ต้องหันมาออมเงินมากขึ้นเป็น 40% ของรายได้ที่มี

Advertisement

เพราะโลกที่หมุนเร็วขึ้น โลกหลังโควิดจะเป็นอย่างไร และทำอย่างไรจะไม่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง ไปฟังกัน….

– สถานการณ์ร้านอาหารหลังเริ่มมีการปลดล็อกแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

ยอดขายเริ่มจะดีขึ้น ร้านอาหารจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ไฟน์ไดนิ่ง และ แกร๊บแอนด์โก ถ้าเป็นแกร๊บแอนด์โกจะกระทบเฉพาะทำเลที่ปิดบริการ อย่าง ดังกิ้น โดนัท จะอยู่ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ถูกปิด ยอดขายลดลงไม่มาก ส่วน โอ บอง แปง โชคดีที่อยู่ตามโรงพยาบาล

โดยปกติยอดขายช่วงโควิดจะเหลือ 10% แต่ถ้าประเภทไฟน์ไดนิ่งนั่งในร้านกระทบหมด ไม่ว่าขายดีแค่ไหนก็จะเหลือแค่ 10% ยิ่งถ้าเป็นร้านสเต๊กจะยิ่งเหนื่อย เพราะโอเวอร์บัดเจ็ต อย่างร้านอาหาร 100 โต๊ะ 1 รอบของการกินนาน 2 ชั่วโมง จากที่ควรจะมีลูกค้า 800 คน แต่ให้นั่งโต๊ะละ 1 คน จะเหลือแค่ 100 คน และจำกัดผู้เข้าใช้บริการไม่เกิน 15 คน ฉะนั้น ณ ตอนนี้ใครได้ 30-40% ถือว่าเก่งแล้ว

– วิกฤตโควิด-19 กระทบกับคนทุกอาชีพทุกระดับ ทำให้เงินในกระเป๋าน้อยลง ร้านอาหารพรีเมียมต้องปรับตัวอย่างไร?

โควิด-19 กระทบทุกวงการแต่กระทบไม่เท่ากัน ถ้าแบ่งโซนเป็น 4 สี โซน “สีขาว” กระทบน้อยสุด แต่ก็ไม่ได้กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนปกติ แม้กระทั่งแกร๊บแอนด์โกมีทำเลอยู่ตามโรงพยาบาล แต่ไม่มีใครอยากไปโรงพยาบาล ยอดขายลดลงประมาณ 30% ถ้าเป็นโซน “สีเหลือง” จะโดนเกือบ 50% เวลากลับมาเต็มที่แค่ 40-50% เพราะการจำกัดจำนวนคนเข้าร้านได้มากสุดไม่เกิน 15 คน เวลาใช้เท่าเดิม ใช้คนเท่าเดิม แม้แต่ร้านสตาร์บั๊คยอดขายก็ลดลง

ถ้าโซน “สีแดง” ที่กระทบคือ โรงแรม ซาวน่า คลินิกความงาม นวดแผนโบราณ ฯลฯ ไม่แน่ว่าจะกลับมาเปิดได้เมื่อไหร่ โดยเฉพาะผับ เพราะมีกรณีตัวอย่างที่ประเทศเกาหลีเมื่อเปิดผับแล้วมีการติดเชื้อก็ต้องกลับไปปิดใหม่ ถ้าไม่มีวัคซีน ซึ่งเริ่มมีข่าวดีแล้ว

ถามว่า “นิวนอร์มอล” จะเกิดไหม ผมตอบไม่ได้ ขึ้นกับวัคซีนอย่างเดียว เพราะพฤติกรรมของคน จะเห็นว่าเมื่อวันเปิดห้างสรรพสินค้าวันแรก คนแห่กันไปแน่นที่เมกา บางนา

– หลังโควิด-19 นักธุรกิจและผู้ประกอบการควรวางแผนอย่างไร?

นอกจากการมีวัคซีนแล้ว อีกประเด็นคือขึ้นกับโรคใหม่ที่จะมา โควิดไม่ใช่โรคแรก มันคือสายพันธุ์เดียวกับซาร์ส แต่มีการพัฒนาขึ้นมา ถ้ามีวัคซีน แต่ไวรัสกลายพันธุ์ภายใน 6 เดือน นิวนอร์มอลเกิดแน่นอน ถามว่านักธุรกิจต้องทำอย่างไร เราไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงอีกแล้ว ต้องมีการวางแผนว่าถ้านิวนอร์มอลเกิดต้องทำอย่างไร และถ้านิวนอร์มอลเกิดแล้ววัคซีนเกิดต้องทำอย่างไร ต้องมีการวางแผนทั้งสองอย่าง เพราะมันเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้

– คำว่า ‘นิวนอร์มอล’ ความหมายในที่นี้มีอะไรบ้าง?

ขอเล่ากลับไปที่แอคทิวีตี้ก่อน ที่ผ่านมาเกิดวิกฤตขึ้น 2 ครั้ง วิกฤตต้มยำกุ้งปี 1990 และอีกครั้งช่วงปี 2000 ที่มีโรคซาร์ส ตอนเกิดไข้หวัดนกมีคนพูดถึงเรื่องนิวนอร์มอล ซึ่งนิวนอร์มอลจริงๆ หมายถึงแอคทิวีตี้ที่เกิดจากสิ่งที่เราไม่เคยทำในชีวิตประจำวัน แต่มาทำในชีวิตประจำวัน เช่น เราไม่เคยประชุม/พูดคุยกันทางออนไลน์ ไม่เคยใส่หน้ากากเดินออกไปนอกบ้าน

นิวนอร์มอลแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนการติดต่อสื่อสาร การเชื่อมโยงกันไม่มากขนาดนี้ เมื่อเกิดการระบาดไข้หวัดนกสามารถควบคุมได้ ครั้งที่แล้วทำให้เกิด “ดอทคอม” เกิด “อีคอมเมิร์ซ” และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ อินเตอร์เน็ตที่เข้ามา เรื่องของไวเลสที่เข้ามา แต่ครั้งนี้เกิดเพราะการพบปะกันเยอะ บินไปเจอกัน ทำให้เกิดโซเชียลดิสแทนซิ่ง หรือ ฟิสิคัลดิสแทนซิ่ง ฉะนั้นนิวนอร์มอลปัจจุบันจะเป็นเรื่องของการเว้นระยะห่าง เรื่องการเซฟตี้ของแต่ละประเทศ

ในแง่ของบริษัทปัจจุบันจะใช้การประชุมผ่านทางแอพพลิเคชั่นซูม ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทาง บรรดาอินฟาสตรักเจอร์ในการเดินทางกระทบหมด แต่ก็จะมีบางกิจกรรมที่ยังจำเป็นต้องมีตติ้งกันอยู่ ซึ่งบางบริษัทเริ่มแล้ว ใช้บริการโรงแรมหรือออฟฟิศให้เช่าจัดประชุม ส่วนออฟฟิศเดิมเป็นแค่ที่รับเอกสาร นิวนอร์มอลนี้มาแน่ แม้กระทั่งตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดประชุมผู้ถือหุ้นออนไลน์แล้ว

– กระแสแบบนี้ไม่น่าจะอยู่นาน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม?

ขึ้นกับประเภทของธุรกิจ บางธุรกิจต้องประชุมทั้งวัน การเช่าห้องประชุมไม่คุ้ม วันนี้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ไม่เคยรู้เลยว่า เราใช้คนน้อยขนาดนี้ได้ การที่มีโควิด-19 มันปรับหมด เมื่อสามารถลดได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มคนอีก ผมเชื่อว่ามีเอสเอ็มอี 30% ปรับพฤติกรรมเป็นนิวนอร์มอลแล้ว

ถามว่าโรงแรมจะปรับตัวอย่างไร ผมเชื่อว่าต่อไปนี้จะคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ซึ่งในต่างประเทศเริ่มใช้แล้ว เนื่องจากพอสายการบินระหว่างประเทศเริ่มเปิด คนกลุ่มแรกที่จะมาใช้บริการจะเป็นนักธุรกิจ ซึ่งไม่ได้ใช้ทั้งวันทั้งคืน อย่างมากบินมาถึงตอนเช้า อาจจะใช้แค่ 3 ชั่วโมง นอนพักอาบน้ำ ปัจจุบันโรงแรมมีการปรับเปลี่ยนเป็นช่วงๆ มาตลอด อย่างที่คุณศุภจี (ศุภจี สุธรรมพันธุ์) พูดเมื่อก่อนเกิดโควิด-19 ว่า บิสิเนสเซ็นเตอร์จะตาย พวกที่ทำเบรกฟาสต์ทั้งหลายจะกลายเป็นโคเวิร์กกิ้ง สเปซ เมื่อมีโคเวิร์กกิ้ง สเปซ ก็มีที่เช่าอาบน้ำ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีบริษัททำที่ให้เช่าอาบน้ำแล้ว

– ในแง่เศรษฐกิจ วิกฤตครั้งนี้ทำให้เงินในกระเป๋าคนเราน้อยลงไปมาก?

พูดในฐานะที่ผมสวมหมวกแบงก์ คนมักบอกว่าเงินมันหายไป แต่จริงเงินไม่ได้หาย แต่คนไม่ได้ใช้ ซึ่งต่างกัน ถ้าจะทำให้เงินกลับมาหมุนต้องหาแอคทิวิตี้ทางเศรษฐกิจ ให้คนมีความเชื่อมั่นก็จะกลับมาใช้เงิน นี่พูดถึงกรณีคนที่มีเงิน ถ้าคนมีสตางค์ไม่ใช้เงิน เท่ากับเงินของประเทศหยุดไป 80% ถามว่าเศรษฐกิจเดือนนี้กับเดือนที่แล้วต่างกันมั้ย ไม่ต่าง แต่ตอนนี้คนเราป่วยที่จิตใจ ฉะนั้นถ้าจะให้เงินกลับมาต้องหาทางทำให้เขามั่นใจที่จะใช้เงิน

– มนุษย์เงินเดือนต้องปรับตัวอย่างไร?

ตอนนี้ทุกคนอาจจะโดนกันเกือบหมด ถ้าผมเป็นมนุษย์เงินเดือน สิ่งแรกผมจะ “อันเลิร์น” ทุกอย่าง เพราะความรู้ที่มีในอดีตกับวันนี้มันใช้ไม่ได้ แล้วผม “รีเลิร์น” เรียนวิชาใหม่ๆ ถามว่าเรียนอะไรบ้าง ให้คิดว่าถ้าเกิด นิวนอร์มอล อะไรจะมาแรง อีคอมเมิร์ซ ขายของออนไลน์ ร้านอาหารก็พวกดิลิเวอรี ไลฟ์สินค้าเป็นมั้ย หรือทำฟรีแลนซ์ออนไลน์ เช่น รับทำบัญชีออนไลน์ ถ้าเก่งภาษาอังกฤษ อาจรับเป็นครูสอนออนไลน์ สอนภาษาไทยให้คนทั่วโลก

พอทำ รีเลิร์น เสร็จ ก็ต้อง “รีสกิล” จากออฟไลน์ เป็น ออนไลน์ ทั้งหมด เราควรจะทำหารายได้มากกว่า 1 ทาง เช่น ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ ตอนกลางคืนว่างก็ขายของออนไลน์ สอนหนังสือออนไลน์ได้มั้ย ทำอาชีพเสริมให้มีรายได้หลายทาง อย่างน้อย 3 ทาง เพราะยังมีอาชีพที่ทำเสาร์/อาทิตย์ได้ ทำตอนกลางคืนได้ นี่คือวิธีคิดสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพราะถ้าเจอวิกฤตกระทบก็ยังมีรายได้ทางอื่นอยู่

– เราได้เรียนรู้อะไรจากวิกฤตครั้งนี้?

ต่อจากนี้เจ้าของธุรกิจต้องมีแผนที่เรียกว่า แอคซิเดนต์แพลน ไว้ด้วย เพราะปัจจุบันแม้กระทั่งบริษัทใหญ่ๆ อย่างนีแมน มาร์คัส ห้างสรรพสินค้าดังในสหรัฐอเมริกา หรือ บาร์นี่ย์ นิวยอร์ก ฯลฯ ก็ปิดไปแล้ว ฉะนั้นเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีต้องมีแผนสองไว้ตลอด ผมเชื่อว่าต่อจากนี้โรคจะระบาดเร็วขึ้น ซึ่งแผนเหล่านี้จะต้องรองรับทั้งการเงิน การจัดการ และเรื่องคนด้วย

สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องทำอีกอย่าง คือต้องโกออนไลน์ให้มากที่สุด ผมจะพูดเสมอว่า จีนจากที่มีแผนจะ “เมดอินไชน่า” (เปลี่ยนจีนเป็นโรงงานของโลก) และเอไอ ภายในปี 2025 แต่เมื่อเกิดวิกฤตนี้ทำให้เขาตระหนักว่ามันควรจะเป็น 2020 และบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นในลักษณะ small is good ทำเฉพาะสิ่งที่เราทำเป็น เช่น ทำบัญชีไม่เก่ง พีอาร์ไม่เก่ง ก็ใช้เอาต์ซอร์ส

– วิกฤตครั้งเกิดขึ้นโดยเราไม่คาดคิด ไม่มีเงินเก็บสำรอง ต่อแต่นี้ต้องวางแผนไปถึงเงินในกระเป๋า?

ครับ แต่ก่อนเราอาจจะออมเงินแค่ 10-20% ในกรณีของคนที่ไม่มีลูกและคนโสด เพราะถ้ามีลูกก็จะขึ้นกับว่ามีลูกกี่คน โมเดลก็จะต่างกันออกไป ณ วันนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยง ต้องมีเงินเก็บถึง 40% ของรายได้ เราไม่รู้หรอกว่าวันไหนจะตกงาน เพราะ ณ วันนี้ดิสรัปชั่นจะเกิดขึ้นเร็วกว่าแต่ก่อน ควรจะแบ่งเงินอย่างน้อย 10% ของรายได้เพื่อการเรียน เหลือใช้จ่ายแค่ 50% และถ้าอยากจะลงทุนอะไร ให้ใช้แค่ 10% ซึ่งปัจจุบันการจะเปิดธุรกิจสามารถทำได้ง่าย เช่น เปิดช็อปออนไลน์ เป็นต้น

สิ่งที่สำคัญสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ การหาแหล่งสินค้าราคาถูกที่สุดเพื่อมาขายบวกราคา ฉะนั้น 10% ที่มีก็ไปหาแหล่งซื้อของมาขาย หรือจะเป็นค่าทำแอด หรือทำพรีออเดอร์ก็ได้ นี่คือเทรนด์ของมนุษย์ทำงานที่จะใช้หาเงินในอนาคต


 

Fivewhale อบรมออนไลน์ ทางลัดสร้างผู้ประกอบรุ่นต่อไป

แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดิสรัปชั่น แต่การเกิดขึ้นของวิกฤตโควิด-19 ที่มาเร็วและมาแรงเหนือความคาดหมาย ทำให้ “ไฟว์เวล” (Fivewhale) หลักสูตรที่สร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ สามารถออกแบบความคิด และสร้างรูปแบบการทำธุรกิจในตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลีกไม่พ้นผลกระทบ

“เราทำหลักสูตร ‘ไฟว์เวล’ อบรมผู้บริหารระดับสูง ซึ่งปกติหลักสูตรเหล่านี้ต้องไปเจอกัน แต่ ณ วันนี้เราเจอกันไม่ได้ ก็ต้องปรับตัว ที่ติดต่อเตรียมการมาตั้งแต่ต้นปีจึงต้องยกเลิกทั้งหมด”

สำหรับหลักสูตรอบรมไฟว์เวล ดร.ซิดนีย์บอกว่า น่าจะเป็นหลักสูตรแรกในเมืองไทยที่กระเถิบขึ้นมาทำบนออนไลน์ โดยหลักสูตรแรกที่เตรียมเปิดตัวในต้นเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้คือ “มั่งคั่งด้วยพอดแคสต์” เป็นเทรนด์ใหม่ของคนทำงานทั่วไปที่ให้ทั้งความรู้และสามารถสร้างรายได้อีกด้วย โดยหลักสูตรนี้จะมีด้วยกัน 30 บท

“ปกติเราทำหลักสูตรอบรมผู้บริหารระดับสูง แต่ครั้งนี้จะขยายกลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้น อยากให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาเรียนด้วย เพราะผมเชื่อว่าในอนาคตกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนน่าจะเข้ามาแทนที่กลุ่มผู้ประกอบการ ฉะนั้นสิ่งที่เราตั้งใจทำคือต้องการให้เขาเห็นว่า ‘เน็กซ์นอร์มอล’ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นอย่างไร และคุณจะเซอร์ไวฟ์ได้อย่างไร”

ใครสนใจสามารถติดตามสิ่งใหม่ๆ Next Normal กับ ดร.ศุภชัย ได้ที่ www.facebook.com/drsupachai

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image