ฮิเดกิโยะ ทาจิยะ นายกเทศมนตรีเมืองโซมะ 10ปีผ่านไปสำนึกขอบคุณยังไม่ลืมเลือน

ฮิเดกิโยะ ทาจิยะ นายกเทศมนตรีเมืองโซมะ 10ปีผ่านไปสำนึกขอบคุณยังไม่ลืมเลือน

วันที่ 11 มีนาคม 2554 ย้อนหลังกลับไป 10 ปี ควรเป็นวันธรรมดาๆ อีกวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศสดชื่นตามธรรมชาติของ โซมะ เมืองใหญ่ริมทะเลของจังหวัด ฟุคุชิมะ

แต่ในความเป็นจริง วันนั้นกลับเป็นวันที่โซมะ และประชากรทั้งหมดของเมืองเผชิญกับมหาวิบัติภัยซ้ำซ้อน รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยพานพบมาในชั่วชีวิตหนึ่งของผู้คนและตัวเมือง

เริ่มตั้งแต่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่มีความรุนแรงติดอันดับต้นๆ ตลอดกาลของทั้งโลก ที่ความรุนแรง 9.0 แมกนิจูด แผ่นดินไหวใหญ่ที่คนญี่ปุ่นทั้งประเทศรู้จักในชื่อ แผ่นดินไหวโทโฮกุ สร้างความเสียหายให้อาคารบ้านเรือนและทรัพย์สินในโซมะในระดับหนึ่ง

แต่ยังไม่วิบัติมากเท่ากับมหันตภัยที่เกิดขึ้นตามมาแบบฉับพลัน คลื่นยักษ์สึนามิที่เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติหลังเกิดแผ่นดินไหวในรูปแบบเฉพาะในท้องทะเล กระหน่ำเข้าหาพื้นที่แนวชายฝั่งด้านตะวันออกของเมืองที่ติดทะเล ด้วยมวลน้ำมหาศาลที่ยกตัวขึ้นสูงถึง 9.3 เมตรหรือสูงกว่านั้น

Advertisement

สึนามิมโหฬารทรงพลัง กวาดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ลึกเข้ามาในตัวเมืองถึง 4 กิโลเมตร

ก่อให้เกิดอุทกภัยขึ้นเฉียบพลันในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ท่าเรือโซมะและทั่วบริเวณอ่าว มัตสึคาวะอูระ เบย์ ไปจนจรดถนนยกระดับสายที่ 6 หรือ “รูท 6” ของเมือง บ้านเรือนและผู้คนจำนวนหนึ่งถูกกวาดหายลงทะเลไปพร้อมระลอกคลื่น

ความเสียหายที่เกิดขึ้น ขอบเขตของพื้นที่และผู้คนที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่าความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวชนิดเทียบกันไม่ได้

Advertisement

สถานการณ์วิกฤตต่อเนื่องเกิดตามมาอีกไม่ช้าไม่นาน นั่นคือ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บางส่วนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมะ ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางใต้ของโซมะเพียง 45 กิโลเมตร

แต่ก็ยังเป็นระยะทางที่ห่างเพียงพอที่ทำให้อุบัติเหตุดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโซมะ และทำให้โซมะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขต “บังคับให้ต้องอพยพ” ของทางการญี่ปุ่น

กระนั้น อุบัติเหตุครั้งนั้นก็กลายเป็นเงื่อนไข ก่อให้เกิดความกังวลต่อทุกคนที่เหลืออยู่ในเมืองตลอดเวลา

โซมะกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความเสียหายสูงมากจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

ผ่านไป 10 ปี เหตุการณ์ทั้งหมดยังคงจำหลักแน่นอยู่ในห้วงความคิดของทุกผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจของ ฮิเดกิโยะ ทาจิยะ นายกเทศมนตรี โซมะ ซิตี้ ในเวลานั้น ที่ยังคงได้รับความไว้วางใจจากชาวเมืองเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้

ท่านนายกเทศมนตรีคือผู้ที่ทำหน้าที่บัญชาการการให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าทั้งหมด เรื่อยไปจนถึงการบริหารจัดการสถานการณ์หลังภัยพิบัติ ซึ่งยากเย็นและซับซ้อนกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่น้อย

ความช่วยเหลือหลั่งไหลกันเข้ามา จากเพื่อนร่วมชาติชาวญี่ปุ่นที่ไม่ได้ร่วมประสบภัย เช่นเดียวกับจากนานาประเทศที่หยิบยื่นความช่วยเหลือในรูปแบบที่ตัวเองสามารถทำได้

ทางการไทยส่งทีมแพทย์ไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดฟุคุชิมะและพื้นที่เมืองโซมะ ด้วยในครั้งนั้น

ทีมแพทย์ที่ไปให้ความช่วยเหลือที่จังหวัดฟุกุชิมะ มีทั้งหมด 2 ทีม โดยแต่ละทีมประกอบด้วย แพทย์ 1 ท่าน และพยาบาล 1 ท่าน

ทีมที่ 1 นายแพทย์นริศ วารณะวัฒน์ และ นางสาวรุ่งทิวา อัศวินานนท์ ไปปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2011 จนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2011

ทีมที่ 2 นพ.สุทธิพงษ์ ปังคานนท์ และ นางขิ่ม สกุลนุ่ม ไปปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2011 จนถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2011

เป็นความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในการดูแล อาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยที่นั่น

แต่เป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินในความรู้สึกของผู้คนในโซมะ ที่ประทับใจและไม่มีวันลืมการข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำหน้าที่แพทย์-พยาบาลในพื้นที่ประสบภัยครั้งนั้น

และเป็นที่มาของการให้สัมภาษณ์ “มติชน” ในครั้งนี้

สถานการณ์ในวันเกิดเหตุเป็นอย่างไร?

โซมะอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมะ 45 กิโลเมตร แต่ได้รับผลกระทบจากสึนามิโดยตรง มีผู้ที่เผชิญกับสึนามิในวันนั้นราว 4,500 คน ส่วนใหญ่แล้วรอดชีวิตมาได้ มีผู้เสียชีวิตเพียง 458 คน คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเหล่านี้เริ่มต้องใช้ชีวิตในศูนย์อพยพ

หนึ่งวันทันทีหลังจากที่เข้ามาสู่ศูนย์หลบภัย ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ฟุคุชิมะ ไดอิจิ ที่นั่นเกิดโกลาหลกันขนานใหญ่

อย่างไรก็ตาม ที่เมืองของเรา เราไม่ต้องรับมือกับปัญหานี้ เพราะผมมีอุปกรณ์วัดระดับกัมมันตภาพรังสี และผมพบว่าปริมาณกัมมันตภาพรังสีไม่ได้เพิ่มขึ้น เราถึงได้แต่เตรียมพร้อมสูงสุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อรับมือกับกัมมันตภาพรังสีที่อาจเกิดขึ้นตามมา

จริงๆ แล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุครั้งนั้นเป็นต้นมา เราวัดระดับกัมมันตภาพรังสีกันเป็นประจำทุกปีในตัวเด็ก ระดับของสารกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตรายซึ่งวัดได้จากการทำซีทีสแกน อยู่ที่ 10 มิลลิซีเวิร์ต แต่ในการวัดระดับในตัวเด็กๆ ที่โซมะ ไม่เคยมีการตรวจพบว่ามีเด็กคนไหนมีกัมมันตภาพรังสีเกินกว่า 5 มิลลิซีเวิร์ต ก็เลยไม่มีปัญหาที่เกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสีในเมืองของเราแต่อย่างใด

ปัญหาใหญ่ที่สุดของโซมะ ก็คือทำอย่างไรผู้คนในเมืองนี้ถึงจะสามารถสร้างชีวิตของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้หลังต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่อย่างแผ่นดินไหวและสึนามิ นั่นคือสิ่งที่เราทุ่มเทความพยายามลงไปมากที่สุด

ตัวท่านนายกเองอยู่ที่ไหนในวันเกิดเหตุ ?

ผมอยู่ในออฟฟิศในเมือง วุ่นวายมากในวันนั้นเพราะอยู่ในตำแหน่งนำที่ต้องทำหน้าที่สั่งการ ควบคุมเจ้าหน้าที่ทุกคนในการรับมือกับวิบัติภัยทั้งหมด ซึ่งมีหลายอย่างมากที่ต้องจัดการรับมือ ตั้งแต่ต้องจัดการกับภาวะน้ำท่วมเฉียบพลัน ต้องระมัดระวังการระบาดของโรค และต้องดูแลผลกระทบจากแผ่นดินไหวพร้อมกันไปด้วย

ประชากรของเมืองเมื่อตอนเกิดเหตุมีอยู่ 37,000 คน ตอนนี้ประชากรมีอยู่ 35,000 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวนประชากรของเราไม่ได้ลดลงเท่าใดนัก

จำเป็นต้องย้ายผู้คนออกจากเมืองหรือไม่ ?

เราไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายประชาชนออกไปจากตัวเมือง เพราะความเสี่ยงสูงมากจากการได้รับกัมมันตภาพรังสี ไม่มี ผมตัดสินใจเองว่าการอพยพคนออกจากตัวเมือง ก่อให้เกิดความเสี่ยงในหลายๆ ด้านมากกว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากกัมมันตภาพรังสี

มีคนที่ได้รับผลกระทบจำเป็นต้องอพยพไปใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประสบภัยที่จัดตั้งขึ้นในเมืองเพียงแค่ 4,500 คน ดังนั้นเราจึงมีศูนย์พักพิงอยู่เพียงแค่ 11 หรือ 12 ศูนย์เท่านั้น ทั้งหมดอยู่ภายในพื้นที่ปลอดภัยของตัวเมือง

จริงๆ แล้วจำนวนศูนย์พักพิงดังกล่าวปรับเปลี่ยนขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจริงๆ แล้วหลังเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ เรามีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้น เราจำเป็นต้องอพยพผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ออกไปยังศูนย์ชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ป่วยเหล่านี้โดยเฉพาะ หลังจากได้รับการเยียวยาจนหายจากอาการไข้หวัดใหญ่แล้ว และมีแพทย์ให้การรับรองว่ามีสุขภาพดีแล้ว คนเหล่านี้ก็โยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์รับผู้อพยพหลักเดิม

ตัวเมืองได้รับความเสียหายมากไหม ?

จริงๆ แล้ว ความเสียหายที่โซมะได้รับจากสึนามิ ใหญ่หลวงกว่าที่ได้รับจากเหตุแผ่นดินไหว มีบ้านเรือนราว 2,000 หลังคาเรือนได้รับความเสียหายจากสึนามิ และเมื่อคำนึงถึงว่าครัวเรือนทั้งหมดในโซมะมีอยู่เพียง 13,000 หลังคาเรือนในเวลานั้น มีราว 2,000 หลัง ที่ถูกสึนามิกวาดลงทะเลไปทั้งหมด มีบ้านอีกส่วนหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวอยู่เช่นกัน แต่เราต้องให้ความสำคัญต่อผู้ที่สูญเสียบ้านไปกับสึนามิก่อนเป็นลำดับแรก เราร้องขอให้คนที่บ้านเรือนเสียหายจากแผ่นดินไหวว่าถ้ายังสามารถอยู่อาศัยต่อไปได้ ก็ให้อาศัยอยู่ในบ้านเหล่านั้นไปก่อน

ราว 3 เปอร์เซ็นต์ ของผู้คนในโซมะเท่านั้นที่ทำอุตสาหกรรมปฐมภูมิอย่างการเกษตรและประมง คิดเป็นจำนวนคนน้อยมาก คนส่วนใหญ่แล้วทำงานอยู่ในโรงงาน หรือไม่ก็ในส่วนของภาคการบริการ คนที่ทำการเกษตรนั้น กิจการสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ต่างกับพวกที่ทำการประมง ซึ่งมีอยู่ราว 400 ครัวเรือนที่ทำประมง แต่การฟื้นตัวเป็นไปช้ามากๆ เพราะแม้แต่ในทุกวันนี้ ที่ชาวประมงสามารถออกไปจับปลามาได้ก็จริง แต่ราคาสัตว์น้ำจากทะเลตกต่ำลงมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้าเกิดเหตุ ผมบอกได้ว่ารายได้จากการทำประมงของพวกเขาเหลือเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่เกิดเหตุ

แต่บรรดาชาวประมงเหล่านี้สามารถได้รับเงินชดเชยได้ หลายครอบครัวจึงตัดสินใจที่จะยังคงทำงานประมงต่อไป โดยอาศัยเงินชดเชยจากทางการอีกราว 70-80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ได้นำพาความเสียหายมาให้ชาวประมงสูงมาก เราหวังว่าพวกเขาจะยังชีพอยู่ได้จนกว่าราคาปลาและสัตว์น้ำจะกลับคืนสู่ระดับก่อนหน้าที่จะเกิดแผ่นดินไหว

มีบางคนเลิกทำประมงไปหลังเกิดเหตุ แต่มีไม่น้อยเหมือนกันที่รอคอยที่จะกลับมาทำประมงอีกครั้ง เมื่อราคาสัตว์น้ำกลับสู่ระดับเดิม จำนวนครัวเรือนที่ทำประมงในตอนนี้ลดลงเหลือเพียง 300 ครัวเรือน กำลังรอคอยอยู่ว่าเมื่อใดถึงจะสามารถลงมือทำประมงได้เต็มที่อีกครั้ง

ต้องใช้เวลานานแค่ไหน โซมะถึงกลับมาอยู่ในสภาพมีเสถียรภาพอีกครั้ง ?

สำหรับประชากรส่วนใหญ่ของเมือง ผมพูดได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ถือว่ากลับมามีเสถียรภาพได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ผู้คนจำนวนมากพลิกฟื้นการใช้ชีวิตของตัวเองกลับสู่สภาพการใช้ชีวิตเหมือนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ ส่วนผู้ที่ทำการประมงได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านที่การเคหะของเมืองจัดไว้ให้หรือไม่ก็เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ให้กับบรรดาผู้ที่สูญเสียบ้านไปกับสึนามิ ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าในทางกายภาพแล้วพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้คนในญี่ปุ่นเอง หรือแม้แต่คนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ก็ยังกลัวผลกระทบจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ ทั้งๆ ที่มีการตรวจวัดแล้วสัตว์น้ำที่ชาวประมงจับได้ไม่เคยมีการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนแต่อย่างใด ทำให้ราคายังคงต่ำอยู่มาก ซึ่งเป็นเหตุให้บรรดาชาวประมงยังคงต้องพึ่งพาเงินชดเชยจากทางการเพื่อการยังชีพอยู่ต่อไป แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ผมพูดได้เลยว่าสภาพการใช้ชีวิตของพวกเขาในเวลานี้มีเสถียรภาพทีเดียว

อยากให้อธิบายถึงกระบวนการฟื้นฟูเมืองโซมะ

อะไรคือการฟื้นฟูที่แท้จริง? ผมคิดว่าเราต้องคิดถึงเรื่องนี้ให้มากก่อนที่จะพูดกันถึงการฟื้นฟูของโซมะ โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการฟื้นฟูการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละเจเนอเรชั่นของผู้คน สำหรับเด็กๆ แล้ว พวกเขาต้องมีสุขภาพดี มีสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้อต่อการเจริญเติบโตของพวกเขา สำหรับผู้สูงอายุ พวกเขาต้องได้รับความรู้สึกปลอดภัย ในส่วนของเจเนอเรชั่นที่เป็นวัยทำงานการฟื้นฟูหมายถึงการมีงานทำ มีบ้านอยู่อาศัย เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นผมคิดว่าสำหรับคนที่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่พวกเขาต้องรู้สึกได้ว่าเท้าทั้งสองข้างยืนหยัดบนพื้นได้อย่างมั่นคง นั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อว่าคือการฟื้นฟูที่แท้จริง และผมคิดว่าสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ยกเว้นเพียงแค่บรรดาชาวประมง พวกเขาสามารถสร้างชีวิตของตนเองขึ้นมาใหม่ได้แล้ว

เงินทุนเพื่อการฟื้นฟูมาจากไหน?

สำหรับการฟื้นฟูทางกายภาพของเมือง มีการก่อสร้างอาคารของทางการขึ้นมาใหม่ เงินทุนเพื่อการนี้ได้รับมาจากรัฐบาลญี่ปุ่น อาคารใดก็ตามที่จำเป็นต้องมีและได้รับความเสียหายไปในระหว่างแผ่นดินไหวและสึนามิทุกแห่ง ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ รัฐบาลได้เพิ่มการจัดเก็บภาษีเงินได้ขึ้นจากเดิม 2-3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ ซึ่งจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อนำเอาส่วนที่เพิ่มมาดังกล่าวมาใช้เพื่อการฟื้นฟูบูรณะหลังสึนามิ ปัญหาอยู่ตรงที่ชาวประมงซึ่งยังไม่ได้ราคาที่เหมาะสมสำหรับผลผลิตจากทะเลของตนเอง นอกจากนั้นการที่โซมะอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาก เลยมีความเข้าใจผิดๆ กันว่าสุขภาพของเด็กๆ จะได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่นั่น ผมได้วัดระดับกัมมันตภาพรังสีในหลายๆ จุดของเมืองอยู่เป็นประจำ การตรวจวัดดังกล่าวนี้ทำกันทุกปี ทั้งในสภาพภายนอก และในภายในร่างกาย ภายในอาหารเพื่อบริโภค ยังไม่เคยพบค่าการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในระดับสูงผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด ค่าที่วัดได้ถือเป็นระดับปกติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนวิตกกังวลอย่างแท้จริง ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังมาก และต้องยึดถือเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด

ผมบอกได้ว่า ประชาชนเองก็รับฟังเป็นอย่างดี ดีมากๆ และไม่เคยละความพยายามในการฟื้นฟูชีวิตขึ้นมาใหม่หลังเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น

ระลึกถึงทีมแพทย์จากประเทศไทย

ในเรื่องของบริการทางการแพทย์ถือว่ามีความหมายสำคัญอย่างยิ่ง ผมอยู่ในฐานะที่ต้องบัญชาการความพยายามในการฟื้นฟูเมืองให้กลับสู่สภาพปกติทั้งหมด และผมคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในบรรดาความพยายามทั้งหลายก็คือ ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้มีคนตายเพิ่มขึ้นอีกนอกเหนือจากที่เสียชีวิตไปจากเหตุสึนามิ ซึ่งเราไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้แล้ว แต่เรามุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวว่าไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ต้องทำเพื่อไม่ให้มีการเสียชีวิตอีก

คุณรู้ไหมเมื่อสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงผิดไปจากเดิมอย่างเฉียบพลัน สามารถสร้างความทุกข์ทรมานใจให้กับผู้คนอย่างมากได้ และเป็นสิ่งที่เราเป็นกังวลอย่างยิ่ง มีบรรดาแพทย์มากมายที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่โซมะ รวมทั้งแพทย์ชาวญี่ปุ่นจากที่อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ บรรดาหมอทั้งหลายต้องรวมตัวกันเป็นทีม และดำเนินงานให้บริการทางการแพทย์อย่างเป็นเอกภาพด้วยเช่นกัน เพราะในการบริหารจัดการด้านสุขภาพ คุณต้องมีการทำงานอย่างเป็นระบบชัดเจนเพื่อให้สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ สำหรับใช้เป็นประโยชน์ได้ เราถึงรู้สึกขอบคุณที่ทีมแพทย์จากประเทศไทยเดินทางมาพร้อมกับทีมแพทย์และอาจารย์จากศูนย์การแพทย์แห่งจังหวัดฟุคุชิมะ เช่น นายแพทย์โยโกคาวะ หัวหน้าแผนกศัลยแพทย์หลอดเลือด และนายแพทย์โฮซายะ ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกกุมารเวชศาสตร์

เรายังรู้สึกขอบคุณด้วยว่า แพทย์และพยาบาลจากประเทศไทยเหล่านี้เอาใจใส่ให้การดูแลบรรดาประชาชนในโซมะ ตอนนี้เวลาผ่านไปสิบปีแล้ว แต่เรายังมีบันทึกเกี่ยวกับการทำงานของทีมแพทย์จากไทยบันทึกเก็บไว้ ด้วยความขอบคุณและชื่นชมอย่างยิ่ง

เรามีบันทึกเก็บเอาไว้ มีแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จากไทยมา 2 ทีม รวม 4 ท่านด้วยกัน ทำงานร่วมกับทีมแพทย์จากญี่ปุ่น

(โชว์ภาพถ่าย) นี่คือภาพถ่ายของทีมแพทย์ที่เดินทางมาจากประเทศไทย พวกเขาเดินทางมาพร้อมกับล่าม เพื่อทำหน้าที่ให้การดูแลชาวญี่ปุ่นที่เมืองนี้ เราได้รับการสนับสนุนทางการแพทย์จากนานาประเทศทั่วโลก นั่นเป็นแรงบันดาลใจเป็นกำลังใจสำหรับประชาชนชาวโซมะได้เป็นอย่างดี พวกเขาสำนึกขอบคุณที่แพทย์และพยาบาลเหล่านี้ลงทุนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศไทย พวกเขาถือว่าเป็นการให้กำลังใจและเป็นการแสดงน้ำใจต่อกันอย่างยิ่ง

เคยคิดอยากกลับไปเปลี่ยนอะไรไหม ถ้าทำได้?

ผมไม่ได้คิดในแง่นั้นนะ แน่นอนมีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าบางสิ่งบางอย่างเราควรเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อนได้ แต่ผมไม่ได้คิดว่าจะมีความหมายอะไรหากมัวแต่คิดว่า “ถ้า” อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเฉียบพลันมากและไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้เลย ในฐานะเป็นฝ่ายบริหาร ผมคิดว่าสิ่งที่เราต้องทำก็คือบันทึกประสบการณ์ทั้งหมดของเราไว้เพื่อถ่ายทอดในกับคนรุ่นต่อๆ ไป ภาพต่างๆ เหมือนอย่างที่ผมโชว์ให้ดู เป็นข้อมูลสำคัญมาก ในฐานะที่อยู่ในฝ่ายบริหารก็ต้องส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้กับคนรุ่นต่อๆ ไป

ภารกิจใหญ่และสำคัญที่สุดของผมในฐานะนายกเทศมนตรีก็คือการส่งผ่านเมืองโซมะแห่งนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป บอกเล่าถึงบทเรียนที่เราได้รับและเรียนรู้มาจากห้วงเวลาดังกล่าว เพื่อให้พวกลูกหลานของเราจะได้ช่วยกันทำให้พื้นที่แห่งนี้ เมืองนี้ เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม เป็นสถานที่ที่สวยงามและเป็นสุขสำหรับการดำรงชีวิต

ในฐานะนายกเทศมนตรี ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนนักวิ่งผลัด ที่วิ่งไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วส่งไม้ต่อไปยังนักวิ่งคนต่อไปได้แม้ในยามที่สถานการณ์วิกฤตที่สุด นี่เป็นความจริง ไม่เพียงสำหรับผมเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสิ่งจริงแท้ของพลเมืองโซมะทุกคนที่พานพบประสบการณ์แผ่นดินไหว สึนามิและอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์มาด้วยกัน เราสามารถบอกเล่าเรื่องราวของความสำเร็จครั้งนี้ต่อๆ ไปในอีก 100-200 ปีข้างหน้าได้ว่า ทุกอย่างเป็นไปเพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ในเมืองใหญ่ของเราอย่างมีความสุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image