สุจิตต์ วงษ์เทศ : เพลงปลุกใจ ‘คลั่งเชื้อชาติไทยแท้’

ปลุกใจ “คลั่งเชื้อชาติไทยแท้” ด้วยละครเรื่องอานุภาพพ่อขุนรามคำแหง บทประพันธ์ของหลวงวิจิตรวาทการ (กิมเหลียง วัฒนปฤดา หรือ วิจิตร วิจิตรวาทการ) แสดงครั้งแรกเมื่อปี 2497 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม

วัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย” ตามคำโฆษณาชวนเชื่อเกินจริงของรัฐราชการรวมศูนย์ต้องการส่งออก Soft Power คงเป็นได้ลำบากมากในบรรยากาศเพลงปลุกใจ “คลั่งเชื้อชาติไทยแท้” เหมือนอยู่ในสมัยสงครามเย็น เพราะปกติพลังสร้างสรรค์ให้เกิด “Soft Power” กว้างขวางจะมีในสังคมเสรีภาพด้วยระบอบประชาธิปไตย “แบบสากล”

เพลงปลุกใจรักชาติมีต้นตอจากกระแส “คลั่งเชื้อชาติไทย” สมัยเชื้อชาตินิยม ขณะการเรืองอำนาจของเผด็จการทหาร จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มีผู้ใกล้ชิดเป็นต้นคิดเชื้อชาตินิยม “ไทย” คือ หลวงวิจิตรวาทการ (นามเดิม กิมเหลียง) อธิบดีกรมศิลปากรคนแรก

[กรมศิลปากร มีกำเนิดจากคณะราษฎร ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย พ.. 2475 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เคยมีวัตถุสิ่งของจัดแสดงเรื่องคณะราษฎร เช่น ธงชาติผืนที่ใช้ในเหตุการณ์ฯ, เครื่องแบบคณะผู้ก่อการ เป็นต้น แต่ถูกทำให้สูญหายจากการจัดแสดงเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เพราะผู้บริหารกรมศิลปากรสมัยนั้นต้องการมิวเซียมแบบอาณานิคม “เจ้าขุนมูลนาย” แล้วเป็นปฏิปักษ์ต่อมิวเซียมแบบประชาธิปไตย “คนเท่ากัน” ตราบจนทุกวันนี้]

คนไทย “เชื้อชาติไทยแท้” เคยยิ่งใหญ่ในบูรพา คือเนื้อหาหลักที่ชนชั้นนำซึ่งเป็นกลุ่มเผด็จการทหารและพลเรือนชุดนี้ร่วมกันเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาล้วนๆ เป็น “นิยาย” โดยไม่มีหลักฐานวิชาการรองรับทางประวัติศาสตร์โบราณคดีมานุษยวิทยา แต่ “สั่งการ” เป็นตำราใช้เพื่อการเรียนการสอนในสถานศึกษาทั่วประเทศว่ากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก แผ่อำนาจครอบคลุมลุ่มน้ำโขง, ลุ่มน้ำสาละวิน, ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฯลฯ ลงไปทั่วคาบสมุทรสุดแหลมมลายู

Advertisement

ต่อมานักวิชาการฝ่ายก้าวหน้านานาชาติ รวมทั้งกลุ่มอาเซียนและไทย ต่างแบ่งปันข้อมูลข่าวสารกว้างขวางทั่วโลกเพื่อคัดค้านตอบโต้และเปิดโปงความไม่เป็นวิชาการในประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย ฉบับคลั่งเชื้อชาติไทย

แต่ชนชั้นนำอำนาจนิยมสุดโต่งในไทย โดยเฉพาะกลุ่มกองทัพ “ได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง” หรือ “ฟัง แต่ไม่ได้ยิน” ดังนั้นทุกวันนี้จึงมีแนวทางต้านทานคนรุ่นใหม่ “ในโลกไม่เหมือนเดิม” ด้วยการสร้างกระแสย้อนยุคปลุกใจเชื้อชาตินิยม “ไทย” ให้เป็นเรื่อง “จำอวดตลก” ตั้งแต่ปีก่อนถึงปีนี้และปีต่อไปจนกว่าอำนาจนิยมจะล่มสลาย (ซึ่งไม่ง่าย)

เหล่านี้เป็นปฏิปักษ์ต่อพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์

Advertisement

คนไทยแท้

คนไทยแท้” หรือ “คนเชื้อชาติไทยแท้” เป็นสิ่ง “เพิ่งสร้าง” ในช่วงเวลา “คลั่งเชื้อชาติไทย” สมัยจอมพล ป. กับหลวงวิจิตร ว่ามีแหล่งกำเนิดอยู่เทือกเขาอัลไต (เขตมองโกเลีย อยู่เหนือเมืองจีน) แล้วถูกรุกรานต้องถอยร่นลงไปตั้งอาณาจักรน่านเจ้า จากนั้นเสกสรรปั้นแต่งเป็น “นิยาย” ว่าถูกกุบไลข่านรุกรานขับไล่ให้อพยพถอนรากถอนโคนลงไปสร้างกรุงสุโขทัยเป็น “ราชธานีแห่งแรกของไทยแท้” (ซึ่งเป็น “เฟกนิวส์” ทั้งดุ้น)

แนวคิด “คนไทยแท้” ทรงอิทธิพลสูงมากและยาวนานมากตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงครั้งนี้ ยังมีในกระทรวงวัฒนธรรมและกรมศิลปากร ไม่เว้นแม้กระทั่งครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนประวัติศาสตร์โบราณคดีมานุษยวิทยา ดังนั้นจึงพบว่าวงการโบราณคดีเลื่อมใสที่มีนักวิทยาศาสตร์พยายามใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์หา “คนไทยแท้” เริ่มด้วยการพิสูจน์กรุ๊ปเลือด (เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว) ซึ่งนักโบราณคดีรุ่นใหม่ไม่พูดถึงอีก ต่อมาพิสูจน์จากดีเอ็นเอ เป็นต้น

คนไทย (หรือไท, ไต) เป็นชื่อทางวัฒนธรรมที่ถูกใช้สมัยเริ่มแรกสมมุติเรียกตนเองของคนกลุ่มหนึ่งมีหลายเผ่าพันธุ์ “ร้อยพ่อพันแม่” ซึ่งมีหลักแหล่งบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีศูนย์กลางอยู่รัฐอยุธยา (ไม่ใช่รัฐสุโขทัย)

สมัยนั้นไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยานับญาติว่ามีอยู่ทางลุ่มน้ำสาละวินเรียก “ไทยใหญ่” กับลุ่มน้ำโขงเรียก “ไทยน้อย” แต่กลุ่มชนบริเวณลุ่มน้ำสาละวินกับลุ่มน้ำโขงเรียกตนเองเป็น “ลาว” จึงเท่ากับไม่นับญาติกับพวกลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่าเป็น “ไทย”

เหล่านี้เป็นเรื่องทางวัฒนธรรมล้วนๆ จึงชวนให้สงสัยว่าเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อย่าง “ดีเอ็นเอ” จะพิสูจน์อย่างไร? และทำได้จริงหรือ? ทั้งนี้ เพราะ (1.) ไทยเป็นชื่อทางวัฒนธรรมเรียกคน “ร้อยพ่อพันแม่” ฉะนั้น “ไทยแท้ไม่มี” และ (2.) ดีเอ็นเอของคนไทย (ถ้ามีจริงและหาได้จริง) ตรงกับคน “ร้อยพ่อพันแม่” ซึ่ง “ไม่ไทยแท้”

ส่วนเพลงปลุกใจ “คลั่งเชื้อชาติไทยแท้” เป็นงานเฟกๆ สมัย “จักรวาลนฤมิต” (จาก Metaverse) ความเป็นไทยในรัฐราชการรวมศูนย์เป็นปฏิปักษ์ต่อพลังสร้างสรรค์เพื่อส่งออก Soft Power

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image