เปิดผลสำรวจ ไทย อินโดฯ มาเลย์ เวียดนาม พบภาวะทุพโภชนาการในเด็ก ‘แม้เด็กไทยกินมื้อเช้า แต่ไม่ได้มีคุณภาพเสมอไป’

Students outdoors eating lunch (selective focus)

แม้นี่คือปี 2022

แต่ภาวะทุพโภชนาการในเด็กยังคงมีอยู่

ไม่ต้องดูที่ไหนไกล มาสำรวจในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็พบว่าอยู่ในภาวะน่าห่วง

ดังปรากฏในผลสำรวจภายใต้โครงการ ภาวะโภชนาการเด็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 หรือ SEANUTS II (South East Asian Nutrition Surveys II) โดย ฟรีสแลนด์คัมพิน่า หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำนมโคที่ใหญ่ที่สุดของโลก ดำเนินงานมากว่า 150 ปี ร่วมกับ 4 สถาบันชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Advertisement

 

ดำเนินการสำรวจเด็กอายุ 6 เดือน-12 ปี จำนวนเกือบ 14,000 ราย จากประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ระหว่างปี 2562-2564 โดยมุ่งศึกษาภาวะโภชนาการ การบริโภคอาหาร พฤติกรรมและวิถีการดำเนินชีวิตที่เกี่ยวข้องกับภาวะโภชนาการและสุขภาพของเด็ก

พบทุพโภชนาการถึง 3 ลักษณะ (Triple Burden of Malnutrition) ได้แก่ ภาวะโภชนาการทางด้านขาด (undernutrition) อาทิ ภาวะเตี้ยแคระแกร็น, การขาดสารอาหารกลุ่มรอง (micronutrients deficiencies) และภาวะโภชนาการเกิน ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (overweight and obesity) ซึ่งมักพบร่วมในประเทศเดียวกัน หรือบางกรณีในครอบครัวเดียวกัน

Advertisement

ผลการศึกษาล่าสุดนี้ ต่อยอดจากการศึกษาภายใต้โครงการ สำรวจภาวะโภชนาการเด็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 1 หรือ SEANUTS I ในปี 2555 โดยในครั้งนี้ยังพบปัญหาภาวะเตี้ยแคระแกร็นและภาวะโลหิตจาง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ขณะที่เด็กโตประสบปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน และในภาพรวมยังพบว่าเด็กส่วนใหญ่ ได้รับแคลเซียมและวิตามินดีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และพบกลุ่มที่มีภาวะพร่องวิตามินดี จากประเด็นปัญหาทุพโภชนาการ 3 ลักษณะข้างต้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมเต็มช่องว่างทางโภชนาการที่ขาดหาย ผ่านกิจกรรมและการให้ความรู้ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง

ผลสำรวจข้างต้นเผยให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาการเข้าถึงโภชนาการที่ดี

รศ.ดร.นิภา โรจน์รุ่งวศินกุล

รศ.ดร.นิภา โรจน์รุ่งวศินกุล ที่ปรึกษาอาวุโสสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และหัวหน้าโครงการ SEANUTS II ในประเทศไทย เล่าว่า โภชนาการที่ดี เกิดจากการบริโภคอาหารที่สมดุล ได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม พอเพียงและมีความหลากหลายของอาหาร หากเด็กไม่ได้รับโภชนาการและสารอาหารที่จำเป็น ก็จะไม่สามารถเติบโตและมีพัฒนาการอย่างเหมาะสมได้ ผลสำรวจที่ประเมินจากการบริโภคอาหาร พบว่ามากกว่าร้อยละ 70 ของเด็กในทั้ง 4 ประเทศที่เราทำการศึกษา ไม่ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ เมื่อเทียบกับปริมาณค่าเฉลี่ยที่ควรได้รับในแต่ละวัน และมากกว่าร้อยละ 84 ได้รับวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์ ตัวเลขจากผลสำรวจเป็นสัญญาณสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาโภชนาการ รวมถึงการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย และมีสารอาหารสำคัญที่จำเป็นและเพียงพอต่อความต้องการของเด็ก” รศ.ดร.นิภากล่าว

อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตา คือ บทบาทของอาหารเช้าต่อคุณภาพของอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ซึ่งที่ปรึกษาอาวุโสสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า แม้เป็นเรื่องน่ายินดีที่เด็กไทยไม่ได้ละเลยการรับประทานอาหารเช้า หากแต่ข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ไม่ใช่เด็กทุกคนที่รับประทานอาหารเช้า จะได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นอย่างวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอ

“ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าปริมาณแคลอรี่ในอาหารเช้า มีความสัมพันธ์กับคุณภาพอาหารที่ได้รับตลอดทั้งวัน ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่าการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารที่มีคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็ก” รศ.ดร.นิภาอธิบาย

มาร์เกรเธ ยองค์มาน

ด้าน มาร์เกรเธ ยองค์มาน (Margrethe Jonkman) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา สถาบันวิจัยฟรีสแลนด์คัมพิน่า กล่าวว่า การวิจัย คือ กุญแจสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องของความต้องการด้านโภชนาการของคนในพื้นที่ต่างๆ การสำรวจครั้งนี้ ช่วยให้ฟรีสแลนด์คัมพิน่าสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มอบโภชนาการที่ดียิ่งขึ้น ตรงตามความต้องการของเด็กในแต่ละพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ นอกจากนี้ ยังช่วยต่อยอดสู่การออกแบบโครงการและกิจกรรมที่สนับสนุนและส่งเสริมการมีโภชนาการที่ดีและวิถีการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพให้กับเยาวชน โดยร่วมมือกับหน่วยงาน สถานศึกษาและบุคลากรด้านโภชนาการและสุขภาพในแต่ละประเทศ

วิภาส ปวโรจน์กิจ

ขณะที่ วิภาส ปวโรจน์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เสริมถึงการต่อยอดโครงการสู่การดำเนินงานในระดับประเทศว่า โครงการ SEANUTS ซึ่งได้ดำเนินการเป็นครั้งที่ 2 นี้ ช่วยให้มีความเข้าใจต่อความต้องการด้านโภชนาการของเด็กไทยทั่วประเทศในปัจจุบัน นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างความร่วมมือกับองค์กรรัฐ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านโภชนาการให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับภารกิจหลักขององค์กรในการส่งมอบโภชนาการที่ดียิ่งขึ้นและเข้าถึงได้ให้แก่ทุกคน

“เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ส่วนใหญ่ของเด็กไทย ได้รับแคลเซียมหรือวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ยที่ควรได้รับจากการบริโภคอาหารในแต่ละวัน และเกือบครึ่งของเด็กที่อายุต่ำกว่า 4 ปี ต้องเผชิญกับภาวะโลหิตจาง ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการด้านสติปัญญา การเจริญเติบโตของร่างกายและประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งปัญหาบางส่วนที่กล่าวมาข้างต้น สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับโภชนาการและอาหารที่เด็กควรบริโภคในแต่ละวัน ในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ประเทศไทย ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ในการติดตามศึกษาภาวะโภชนาการ และการร่วมกับภาครัฐในการจัดการและแก้ไขปัญหาด้านโภชนาการและอาหารเพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นของเราทุกคน” วิภาสกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image