ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | พรรณราย เรือนอินทร์ |
เผยแพร่ |
“ความสุข”
ถ้อยคำธรรมดาที่มนุษย์ติดตามไขว่คว้าเพื่อครอบครอง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้พบ
ทุกข์ยาก ร้อนหนาว โศกเศร้า ป่วยไข้ พลัดพราก สูญเสีย ฯลฯ
ล้วนเป็นสิ่งกีดขวาง อำพราง และบดบังความสุข ซึ่งแท้จริงแล้วอาจไม่ได้อยู่ไกลจนเกินเอื้อมถึง
วราภรณ์ พวงไทย อดีตบรรณาธิการนิตยสารชื่อดังหลายต่อหลายเล่ม เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ก้าวข้ามผ่านประสบการณ์แตกต่างในแต่ละห้วงเวลาของชีวิต มอบรสชาติหลากหลายทั้งหวาน ขม กลมกล่อม เผ็ดร้อน
บางจังหวะก็ระคนด้วยความเจ็บปวดทั้งกายใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องราว “เฉียดตาย” จากโรคภัยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เฝ้าไถ่ถามถึงความสุขที่ซุกซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง กระทั่งวันหนึ่งพบว่า สิ่งที่ตามหาไม่ได้อยู่ไกล หากแต่อยู่ในใจของตัวเอง
โครงการในชื่อเรียบง่ายอย่าง “ศิลปะ+ธรรม : พบสุขที่ใจ” จึงถือกำเนิดขึ้น
“อยากทำโครงการที่ทำให้คนพบความสุขใจ โดยการนำศิลปะ ธรรมะ ธรรมชาติ เป็นสื่อนำ เพราะ 3 สิ่งนี้คือศาสตร์เดียวกัน เป็นโครงการที่เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง เพราะความสุขไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจเรานี่เอง” วราภรณ์กล่าว
งานอาร์ตหลากแขนงจึงถูกระดมมาจัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ด้วยความร่วมใจของศิลปินมากมาย พร้อมด้วยธรรมบรรยายในหัวข้อเดียวกับชื่อโครงการ โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล รายได้มอบให้วัดป่ามหาวัน เพื่อการอนุรักษ์ผืนป่าภูหลง จ.ชัยภูมิ
อีเวนต์สุดอบอุ่นและสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวย่างอย่างมีความสุขในสองข้างทางของชีวิตดำเนินไปและเสร็จสิ้นลงอย่างงดงาม พร้อมยอดบริจาคและรายรับจากการจำหน่ายผลงานศิลปะรวม 259,079 บาท
มอบให้ทางวัดตามความตั้งใจเป็นที่เรียบร้อย
วราภรณ์ยังเผยความรู้สึกว่า งานในวันนั้นนอกจากความรู้สึกขอบคุณเพื่อน-พี่-น้องนับไม่ถ้วนที่ช่วยขับเคลื่อนโครงการจนแล้วเสร็จ ก็ยังมีภาพประทับใจที่เธอไม่อาจลืม เมื่อ ชลิต นาคพะวัน ศิลปินเลื่องชื่อซึ่งต้องใช้ไม้เท้าพยุงร่างที่บาดเจ็บเข้าร่วมงาน ก้มกราบพระอาจารย์ไพศาลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และดวงตาที่เปี่ยมด้วยศรัทธา โดยมี ประสาน อิงคนันท์ พิธีกรชื่อดัง และ หมอล็อต ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ผู้ทุ่มเท รอประคองอยู่ใกล้ๆ แม้ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน
ชลิตเพิ่งรอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน ผ่านพ้นการผ่าตัดที่มอบรอยแผลทางกาย โดยมีธรรมะเยียวยาหัวใจในทุกขณะจิต รวมถึงการได้ก้มกราบบุคคลที่ควรแก่การกราบไหว้ก็เป็นหนึ่งในมงคลชีวิต
อีกหนึ่งงานน่าสนใจที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ เมื่อ 10-11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็คือ “Happy Deathday” จัดโดยเครือข่ายพุทธิกาและภาคีเครือข่าย 18 องค์กร ในสโลแกนสะดุดหูว่าเป็นงานที่จะเปลี่ยนวันตายให้กลายเป็นวันสุข ปล่อยคลิปฮือฮาที่ถูกกล่าวขวัญในโลกออนไลน์อย่างการสั่งเสียของนักร้องดัง อุ๋ย บุดด้าเบลส ที่อยากเผยร่างของตนในครอบแก้วให้คนพิจารณา “สังขาร”
ในงานยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความตาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขที่ระบุว่าในโลกใบนี้เคยมีคนตายไปแล้ว 100.8 พันล้านคน หรือกว่า 14 เท่าของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย 1 วินาที จะมีคนหมดลมหายใจเฉลี่ย 5 คน คิดเป็น 157,227 คนต่อวัน หรือ 57.4 ล้านคนต่อปี
ไม่เพียงเท่านั้น ยังตั้งคำถามถึงทางเลือก หากคนที่คุณรักต้องอยู่ในสถานะผู้ป่วยระยะสุดท้ายซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับความตายว่าจะเลือกทางไหนระหว่าง “ต้องรอด” และ “ต้องไม่ทรมาน (จากการยื้อชีวิต)” พร้อมกันนั้น ยังนำเสนอ 5 เครื่องมือสู่ “การตายดี” ได้แก่การเริ่มหัดคุยเรื่องความตาย, การซ้อมตายก่อนตาย, เขียนพินัยกรรมชีวิต, เตรียมตัวตายที่บ้าน, ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง
นอกจากนี้ พระอาจารย์ไพศาลได้ขึ้นบรรยายธรรมน้อมนำมุมมองน่าขบคิดที่ว่า “ความตาย ไม่น่ากลัวเท่ากับการกลัวตาย”
นับเป็น 2 งานดีๆ ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ได้
เพราะทั้งความสุขและความตาย แม้อาจดูเหมือนเป็นขั้วตรงข้าม ทว่าเป็นสองสิ่งที่ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องได้พานพบในห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิต อาจเป็นเพียงเสี้ยววินาทีหรือนานแสนนานเกินกว่าจะคาดเดา