‘โพธิญาณมหาวิชชาลัย’ พุทธมณฑล ศูนย์กลางปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนาของไทยและของโลก

โพธิญาณมหาวิชชาลัย อาคารปฏิบัติธรรม 2 ชั้น สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ กว้าง 50 เมตร ยาว 100 เมตร รองรับพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้ครั้งละ 3,000 รูป/คน

เสร็จสมบูรณ์อย่างงดงามสำหรับ “โพธิญาณมหาวิชชาลัย” อาคารปฏิบัติธรรม ณ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและทั่วโลก พร้อมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

นามโพธิญาณมหาวิชชาลัย หมายถึง สถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุพระโพธิญาณ โดยอัญเชิญนามเทียบเคียงจากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกของในหลวง ร.9 ตอนที่ทรงคิดวิธีพัฒนาต้นมะม่วงและทรงตั้งมหาวิทยาลัยชื่อ “โพธิยาลัยมหาวิชชาลัย” หรือ “ปูทะเลมหาวิชชาลัย” เพื่อให้การศึกษาแก่พสกนิกร

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์ และประธานดำเนินการสร้างอาคารปฏิบัติธรรมโพธิญาณมหาวิชชาลัย เปิดเผยแนวคิดของการก่อสร้างสถานที่ดังกล่าวว่า แต่เดิมนั้นบริเวณพุทธมณฑลซึ่งมีพระสงฆ์เดินทางมาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬบูชา และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 5 ธันวาคม แต่ยังไม่มีอาคารสำหรับปฏิบัติธรรม ต้องใช้วิธีการเช่าเต็นท์ จึงคิดว่าควรสร้างอาคารถาวรเพื่ออำนวยความสะดวก โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล

“การก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมโพธิญาณมหาวิชชาลัยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล โดยก่อนหน้านี้ต้องเช่าเต็นท์ทุกปี เพราะไม่มีอาคาร เวลาฝนตกฟ้าร้อง เปียกโชก ไม่มีที่หลบ เลยคิดว่าน่าจะสร้างอาคารปฏิบัติธรรมเพื่อกันแดดฝน เลยมีการประชุมร่วมกันได้ข้อตกลงว่าจะสร้างในบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ 22 ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้ในการปฏิบัติธรรมเดิม”

Advertisement
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์ และประธานดำเนินการสร้างอาคารปฏิบัติธรรมโพธิญาณมหาวิชชาลัย เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 เวลา 09.39 น. โดยมีนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายฆารวาส

สำหรับรูปแบบเป็นศาลาทรงไทย 2 ชั้น ยาว 100 เมตร กว้าง 50 เมตร

ชั้นบน ประกอบด้วยห้องพระวิปัสสนาจารย์ ห้องประชุมย่อย ห้องพักพระมหาเถระ มีห้องน้ำในตัว และห้องโถงใหญ่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สามารถอำนวยความสะดวกต่อผู้ปฏิบัติธรรมได้ถึงครั้งละ 3,000 รูป/คน

ส่วนชั้นล่าง เรียงรายด้วยห้องพัก 28 ห้อง พักได้ห้องละ 50 รูป/คน โดยมีห้องน้ำไว้บริการ 109 ห้อง แบ่งโซนอย่างเป็นสัดส่วน ระหว่างบรรพชิต และฆราวาส พร้อมพรั่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย

Advertisement

ทั้งหมดนี้ ใช้งบ 108 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะสงฆ์เขตหนกลางทั้งหมด 23 จังหวัด

ภาพระหว่างการก่อสร้างอาคารบน “พื้นที่ 22” พุทธมณฑล ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้ในการปฏิบัติธรรมเดิม (ภาพจากบริษัท ปูนปั้นนครชัยศรี จำกัด)

“ได้ให้เจ้าคณะภาคไปประชุมปรึกษาหารือขออุปถัมภ์ จังหวัดละ 2 ล้าน แต่พระเถระบางองค์ท่านให้วัดละ 10 ล้าน เช่น เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ และวัดเพชรสมุทร แล้วมีโยมที่บริจาคอีก 10 ล้าน ทำให้การก่อสร้างลุล่วงไป โดยเริ่มมีการใช้งานตั้งแต่ก่อนสร้างเสร็จ เช่น ใช้เป็นที่พักในการประชุมเจ้าคณะจังหวัด 3 วัน และจะมีหลักสูตรสอนการปฏิบัติธรรมระยะสั้น กลาง ยาวให้ประชาชนทั้งหลายได้ไปปฏิบัติ เพราะมีสถานที่สะดวกสบาย” สมเด็จพระพุทธชินวงศ์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

สำหรับแผนการใช้งาน ไม่เพียงเฉพาะการปฏิบัติธรรมในวาระสำคัญเท่านั้น แต่จะยังมีการใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างไม่ว่างเว้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ประจำสำนักปฏิบัติธรรม ระยะเวลา 45 วัน ปีละ 1 ครั้ง, กิจกรรมการปฏิบัติธรรมเพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปีละ 1 ครั้ง จำนวน 7 วัน, การจัดโครงการปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชน ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รวม 3 วัน 2 คืน ตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นสถานที่ให้เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ ทั่วประเทศได้ใช้เป็นสถานที่สอนธรรมนำปฏิบัติ

ยังไม่นับแผนการจัดนิทรรศการในวันสำคัญทางศาสนา จัดองค์ความรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาของไทยและของโลก ฝึกอบรมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านการเผยแผ่พระศาสนา อีกทั้งฝึกอบรมเยาวชนค่ายคุณธรรม เป็นต้น

ถือว่าเป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้อย่างนานัปการ

ภายในอาคารปฏิบัติธรรม สร้างตามหลักการของสัปปายะ 4 ที่ว่า อาวาสสัปปายะ คือ มีที่พักอาศัยสะดวก ที่อยู่เหมาะสม บรรยากาศดี เป็นต้น โดยจัดให้มีความสงบ ที่พักไม่สบายเกินไป ไม่ลำบากเกินไป และปราศจากอบายมุข

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ยังเปิดเผยถึงแนวทางในอนาคตทั้งใกล้และไกลของโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลว่า ยังมีสิ่งก่อสร้างที่จะต้องดำเนินการอีกหลายรายการ โดยคาดหวังให้พุทธมณฑลเป็นสถานที่พักผ่อนในทางธรรมซึ่งทั้งพระสงฆ์ไทยและพระสงฆ์จากต่างประเทศ รวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วโลกสามารถเดินทางมาศึกษาเรียนรู้ได้

โดยในวันพุธที่ 23 พฤษภาคมนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก จะเสด็จเป็นประธานในพิธีมอบอาคารและพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีในโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีคนที่ 18 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

นอกจากนี้ จะมีการทอดผ้าป่าสามัคคี กองละ 1,000 บาท รวมถึงเปิดให้ประชาชนร่วมสมทบทุนโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล โดยสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 107-0-73791-9 หรือบริจาคโดยตรงที่ 1.สำนักงานพุทธมณฑล นครปฐม 2.วัดพิชยญาติการาม คลองสาน 3.วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย สอบถามรายละเอียดโทร 0-2438-1739, 08-5909-9590 บริจาค 1,000 บาท รับเหรียญฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เนื้ออัลปาก้าเลี่ยมกรอบทองไมครอน บริจาค 2,000 บาท รับพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ เนื้อดิน พุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ โดยพระคณาจารย์ 108 รูป เมื่อ พ.ศ.2500

ขอเชิญอุบาสกอุบาสิกาและผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมเพื่อสร้างกุศล บำรุงพระพุทธศาสนาที่หยั่งรากลึกในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันและสืบไปในอนาคต


 

 

กำหนดการ
พุธ 23 พฤษภาคม

เวลา 08.00 น. คณะสงฆ์หนกลาง, คณะผู้ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามโครงการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ประจำสำนักปฏิบัติธรรม, พระสังฆาธิการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสใหม่ เข้าฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน 45 วัน, ข้าราชการ และพุทธศาสนิกชน พร้อมกัน ณ มณฑลพิธีอาคารปฏิบัติธรรม “โพธิญาณมหาวิชชาลัย”

เวลา 09.00 น. สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายสงฆ์ และประธานดำเนินการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม “โพธิญาณมหาวิชชาลัย” พร้อมด้วย นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี คนที่ 18 ประธานฝ่ายฆราวาส เดินทางถึงมณฑลพิธี

เวลา 09.09 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จโดยรถยนต์พระประเทียบออกจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

เวลา 09.10 น. กราบอาราธนา สมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ กรรมการมหาเถรสมาคม ที่รับอาราธนาเจริญชัยมงคลคาถาขึ้นสู่ยังอาสน์สงฆ์

เวลา 09.30 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จถึงอาคารปฏิบัติธรรม “โพธิญาณมหาวิชชาลัย” คณะสงฆ์ทั้งสองฝ่าย, นายอานันท์ ปันยารชุน, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครปฐม, ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนครปฐม, ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เฝ้ารับเสด็จ ศาสนพิธีกรอาราธนาศีล ประธานสงฆ์ที่เจริญชัยมงคลคาถาให้ศีล

นายสุวพันธุ์กราบทูลถวายรายงานความเป็นมาของการดำเนินการก่อสร้าง

นายอานันท์ประธานฝ่ายฆราวาส และประธานทอดผ้าป่าสามัคคีโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล กล่าวคำถวายผ้าป่า พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ที่เจริญชัยมงคลคาถา กล่าวอนุโมทนาสาธุการ (สาธุ) สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ประธานโครงการ พิจารณาผ้าบังสุกุล นายสุวพันธุ์เข้าเฝ้ารับมอบอาคารปฏิบัติธรรม “โพธิญาณมหาวิชชาลัย” จากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถา พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ทั้งนั้นอนุโมทนา กรวดน้ำ รับพร จากนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กราบทูลขอประทานอนุญาต ให้กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนในการก่อสร้างอาคาร เข้ารับประทานโล่เกียรติคุณ จำนวน 50 รูป/คน ตามลำดับ

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประกอบพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา ตามโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ปลูกต้นโพธิ์เนื่องในวันเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 วันที่ 9 มิถุนายน 2559

จากนั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จโดยรถยนต์พระประเทียบกลับวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และแขกผู้มีเกียรติรับประทานอาหาร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image