วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า ‘เด็กปกติ’ ชวน ‘เด็กพิเศษ’ ศึกษาธรรมชาติ พบความต่างอย่างเข้าใจ

“ปิดเทอม” ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ต้องคอยมองหากิจกรรมหรือสถานที่เพื่อให้ลูกหลานของตนเองนั้นได้ออกไปสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ร่วมกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิด “กิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์” จึงเป็นที่มาของ “ค่ายวันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า ครั้งที่ 1” ที่จัดขึ้นโดย บริษัท กล่องดินสอ จำกัด ร่วมกับ สสส. และสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้ปกครองของน้องๆ ระดับประถมศึกษา ได้พาลูกหลานมาเปิดประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ๆ ที่สำคัญยังเปิดโอกาสที่น่าตื่นเต้นให้กับน้องๆ ซึ่งเป็นกลุ่ม “เด็กพิเศษ” ได้มาเรียนรู้ร่วมกัน โดยเป็นการเปิดมุมมองใหม่บนความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ของเด็กๆ วัยเดียวกันโดยมีธรรมชาติเป็นจุดเชื่อมโยง

ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส.กล่าวว่า การเรียนรู้ที่ดีที่สุดของเด็กเยาวชนคือการได้ลงมือทำและออกไปสัมผัสประสบการณ์จริง ซึ่งนอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ ยังเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายระหว่างเด็กปกติและเด็กพิเศษ ระหว่างทางของการทำกิจกรรมร่วมกันในค่ายจึงได้เห็นการแบ่งปัน ช่วยเหลือ และเข้าใจความหลากหลายในสังคมมากยิ่งขึ้น

Advertisement

ฉัตรชัย อภิบาลพูนพล ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่องดินสอ และผู้รับผิดชอบกิจกรรม กล่าวว่า ค่ายวันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจัดกิจกรรมให้กับเด็กปกติทั่วไปและน้องๆ ที่เป็นเด็กพิเศษได้มาทำกิจกรรมที่ท้าทายร่วมกันโดยเฉพาะการเข้าป่าเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ ซึ่งเหมือนกับการเข้าค่ายลูกเสือเพื่อให้เด็กและผู้ปกครองทั้งสองกลุ่มเกิดประสบการณ์ร่วม เกิดความผูกพัน เกิดมิตรภาพ และเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน

“เราอยากให้เด็กพิการและเด็กปกติได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ให้เขาได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ทุกคนสามารถอยู่ได้ร่วมกัน จากที่เคยอยู่แค่ในเมืองวันนี้เขาได้มาดูได้มารู้ว่าธรรมชาติมันน่าสนุกและน่าตื่นเต้นขนาดไหน อีกฝั่งหนึ่งก็คือการที่เขาได้มาเดินป่าร่วมกัน มีประสบการณ์ร่วมกันทำให้เขาเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกันถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกัน จากเดิมที่เรื่องราวของคนพิการเป็นเรื่องที่ไกลตัวเขา แต่พอเขามาค่ายนี้เขาก็จะได้รู้จักเพื่อนของเขาที่เป็นเด็กพิเศษหรือคนพิการแล้ว ประเด็นอะไรก็ตาม จากที่เคยเป็นปัญหาไกลตัว จะกลายเป็นปัญหาของเพื่อน แล้วเขาก็จะคิดว่าทำยังไงให้เพื่อนอยู่ร่วมกับเขาได้”

โดยค่ายนี้ครอบครัวของเด็กพิเศษทั้ง 8 ครอบครัว และเด็กปกติ 12 ครอบครัว ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน 2 วัน 1 คืน เริ่มจากในวันแรกเข้าฐานเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงไฮไลต์ในช่วงเย็นนั่นก็คือการเดินป่าเพื่อตามหา “ไก่ฟ้าพญาลอ” ส่วนในช่วงค่ำหลังอาหารเย็นเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็กๆ ตั้งตารอไม่ยอมง่วง นั่นก็คือการ “ดูดาว” ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ทำให้เด็กๆ ได้รู้จักดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้าที่มีเรื่องเล่าและเรื่องราวที่สนุกสนานที่คนเมืองแทบไม่มีโอกาสได้สัมผัส

Advertisement

ส่วนช่วงเช้าของวันที่สองทีมนักวิจัยงูจากประเทศอังกฤษได้มาชวนน้องๆ เรียนรู้เรื่องงูแต่ละสายพันธุ์ รวมถึงวิธีการป้องกันตัวจากการถูกงูกัด พร้อมสร้างความเข้าใจว่าคนกับงูสามารถอยู่ร่วมกันได้ และยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสงูตัวเป็นๆ ในตอนสายเป็นกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติท่องไพรป่าดิบแล้ง-ป่าเต็งรัง และรับประทานอาหารกลางวันกลางป่า ระหว่างเส้นทางเดินเด็กๆ ได้รู้จักพันธุ์ไม้จากคุณลุงวิทยากรใจดี ตื่นเต้นกับใบไม้สติ๊กเกอร์ รู้จักกับผึ้งจิ๋วใจดีหรือตัวชันโรง รู้จักสัตว์ต่างๆ อย่างเจ้ากิ้งกือที่มีชื่อเท่ว่ากระสุนพระอินทร์ ได้ลองรับประทานลูกกระบก พร้อมกับเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย

คุณแม่กับ “น้องเฟิรส์”

มะลิวัลย์ เอี่ยมทอง คุณแม่ของ “น้องเฟิร์ส” ฐาปกรณ์ สร้อยเพ็ชร นักเรียนชั้น ป.2 ที่มาจากจังหวัดสมุทรสาครเล่าให้ฟังว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พาลูกชายมาเที่ยวป่า เพราะอยากให้ลูกได้เปิดโลกกว้างเปลี่ยนประสบการณ์ทำอะไรที่แปลกและแตกต่างไปจากการเล่นเกม

“ได้เห็นไก่ฟ้า 3 ตัว ได้เห็นตัวกระสุนพระอินทร์ เจอกระรอกสีขาว เจอกิ้งกือตัวใหญ่แต่กลัว ตอนเดินป่าไปดูดาวก็กลัวเพราะว่ามันมืด แต่พอเห็นดาวก็รู้สึกสนุกมาก เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน รู้จักดาวนายพราน ดาวจระเข้ ได้กินข้าวจี่ ได้จับคราบงู แต่ไม่ชอบจับตัวงูเพราะกลัว ถ้ามีโอกาสก็จะชวนเพื่อนมาเที่ยวป่า” น้องเฟิร์สเล่า

ภาสวรรณ์กับ “น้องเก็ท”

ภาสวรรณ์ ศรลัมพ์ ผู้ปกครองของ “น้องเก็ท” อิธราณุวัฒฐ์ ศรลัมพ์ กล่าวว่า ปกติไม่เคยพาหลานชายไปเที่ยวป่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ตัดสินใจมาก็เพราะว่าอยากให้เขาได้มาลองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเด็กปกติ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กพิเศษ แต่ก็สามารถทำกิจกรรม มีความสุขและสนุกได้เหมือนกับเพื่อนๆ แม้ว่าบางเรื่องอาจจะช้าหน่อย ซึ่งเด็กพิเศษก็เหมือนกับเด็กทั่วไปคือเขาก็อยากที่จะเรียนรู้ และอยากที่จะเล่นกับเพื่อน

“น้องเก็ทได้ประสบการณ์ใหม่เยอะมากโดยเฉพาะการควบคุมตนเองและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รู้จักการทำตามกฎกติกาของส่วนรวม การเดินป่าทำให้น้องเก็ทเกิดทักษะในการควบคุมประสาทสัมผัสต่างๆ ของตัวเองให้ประสานกันได้ดีมากขึ้น มีความระมัดระวังในการเดิน ระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ เราก็สามารถใช้โอกาสเหล่านี้สอนเขา และใช้เพื่อนๆ เป็นตัวอย่างในการสอนเขาเกิดการเรียนรู้จากเพื่อนและเขาก็ทำตาม” คุณอาของน้องเก็ทระบุ

“ค่ายวันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า” จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การใช้เวลาช่วงปิดเทอมของเด็กๆ ออกไปศึกษาเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติ แต่หากเป็นการออกไปเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมในสังคมกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่มีความแตกต่างๆ ออกไปจากเด็กปกติทั่วไป โดยใช้กิจกรรมและเรื่องราวต่างๆ จากธรรมชาติเป็นจุดเชื่อมโยงเพื่อสร้างพื้นฐานที่ดี ในการที่เราจะก้าวไปสู่การเป็นสังคมที่ไม่ทอดทิ้งผู้พิการเอาไว้เบื้องหลัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image