เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นางนิภารัตน์ ประพฤติ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการแก้ไขจัดระเบียบการครอบครองและใช้ประโยชน์พื้นที่ภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งตามแผนแม่บทกำหนดพื้นที่ผ่อนปรน ก่อนหน้านี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)นำเรื่องพื้นที่ผ่อนปรนเข้าหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย จนได้รับข้อเสนอแนะในส่วนที่เป็นพื้นที่มีการจำแนกไว้สำหรับเกษตรกรรมนั้น สามารถเสนอประกาศในราชกิจจานุเษกษาได้เลย แต่ในส่วนพื้นที่เพื่อประโยชน์อื่น ซึ่งขณะนี้ภูทับเบิกไม่ใช่เป็นพื้นที่เพื่อการเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว โดยในแผนแม่บทผ่อนปรนให้มีโซนสำหรับการทำธุรกิจการท่องเที่ยวและมีสถานที่พักรีสอร์ทต่างๆ จึงต้องขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับกฎทรวง 10 กว่าข้อ
“ขณะนี้ พม.ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือและทำเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ หากอธิบดีกรมป่าไม้เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนก็อาจใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้ยังถือโอกาสนี้เสนอขอผ่อนปรนพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ กับ คณะรัฐมนตรี(ครม.) ไปพร้อมกับเรื่องการขอผ่อนผันการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) และขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ก่อนได้รับอนุญาต เพราะการทำ EIA อาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานถึง 1-2 ปี จึงถือโอกาสนี้ขอผ่อนผันควบคู่ไปด้วย “นางนิภารัตน์กล่าวและว่า
สำหรับ 50 รีสอร์ทชาวม้งที่ได้รับการผ่อนปรนตามแผนแม่บทให้ทำธุรกิจต่อไปได้ ในเบื้องต้นได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและเจ้าของซึ่งเป็นชาวม้งในพื้นที่ไปแล้วว่า หากจะทำธุรกิจต่อไปจะต้องอยู่ในเงื่อนไข อาทิ ต้องปรับปรุงรีสอร์ทให้กลมกลืนและเป็นมิตรกับธรรมชาติ ต้องไม่เป็นสีลูกกวาดอีกต่อไป และไม่ตั้งอยู่ในทำเลเสี่ยงภัย มีความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยว ซึ่งกรมโยธาธิการมาช่วยออกแบบบ้านพักและภูมิทัศน์ให้แก่รีสอร์ทในแต่ละรายไปเรียบร้อยหมดแล้ว ในขณะที่ผู้ประกอบการชาวม้งในพื้นที่ยินดีทำตามเงื่อนไข เพียงแต่รอความชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายในพื้นที่ผ่อนปรนเท่านั้น
