วอนช่วยอดีตนักกีฬาทีมชาติมีอาการทางสมอง 13 ปี ซ้ำป่วยเบาหวาน ความดันฯ สู้ชีวิตกรีดยาง ยังจ่ายหนี้กยศ.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 กันยายน 2561 ที่บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 6 ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง พบ น.ส เกสร ชูบาล อายุ 36 ปี อดีตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทยและแชมป์ยกน้ำหนักมหาวิทยาลัยโลกปี 2546 รวมทั้งอดีตแชมป์นักวิ่งเจ้าลมกรดหลายสนาม วันนี้เธอกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังล้มป่วยด้วยโรคทางจิต โรคอ้วน เบาหวานและความดันโลหิตสูงมาตั้งแต่ปี 2548 ทำให้เธอมีรายได้จากเงินคนพิการเพียงเดือนละ 800 บาทและจากสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยอีกเดือนละ 300บาท แต่เธอต้องจ่ายเงินกองทุนกู้ยืมเดือนละ 500 บาท ทุกเดือน แม้ที่ผ่านมาไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร และเคยคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง แต่กำลังใจจากญาติพี่น้องและคนรอบข้าง ทำให้เธอต้อสู้มาได้จนถึงทุกวันนี้

น.ส เกสร ชูบาล เล่าให้ฟังทั้งน้ำตา ว่าจากความผิดหวังและพายแพ้จากการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2548 ตนก็มีอาการทางสมองและประสาทเกิดขึ้น นอนไม่หลับ มีภาพหลอน ซ้ำๆวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา และได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดตรังเพื่อรักษาตัว ซึ่งแพทย์ตรวจวินิจฉัยพบว่าเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท จนถึงขั้นไม่สามารถควบคุมสภาวะจิตใจให้เป็นปกติได้

จากวันนี้ถึงวันนี้ที่เธอมีอาการทางระบบประสาท มา 13 ปี ไม่ได้รับการดูแลเยียวยาจากหน่วยงาน หรือสมาคมไหนเลย แต่เธอและครอบครับก็ไม่เคยที่จะออกไปร้องขอ ยอมรับกับโชคชะตา กรีดยางเพื่อเก็บเงินเป็นค่ารถเพื่อเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาระยะหลังๆไม่สามารถเดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาลสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ด้วยสภาวะทางการเงิน เธอจึงขอรับความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ส่งรายละเอียดการักษาและตัวยา มายังโรงพยาบาลย่านตาขาว จังหวัดตรัง ซึ่งทำให้เธอมีความสะดวกมากขึ้น แต่ก็ต้องขี่รถจักรยานยนต์เป็นระยะทางไปกลับกว่า 80 กิโลเมตรเพื่อมารับยา นอกจากเธอจะป่วยทางระบบประสาทที่ทำให้ระบบจิตใจผิดปกติแล้วนั้นเธอยังเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ทุกวันนี้ทำได้เพียงช่วยแม่ที่ป่วยด้วยโรคข้อเขาเสื่อม เก็บน้ำยาง

Advertisement

ก่อนหน้านี้เคยคิดฆ่าตัวตาย ลาโลกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ ด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ วิ่งไปให้รถชน เอามีดมาทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่เธอมีแม่ ป้า น้องๆ ค่อยดูแลให้กำลังใจเธอจึงหวนคิดและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและจะใช้ชีวิตที่เหลือกับครอบครัว และทุกวันนี้เธอ มีรายได้จากเข้าถึงสิทธิผู้พิการจาก พมจ.ตรัง ด้วยเบี้ยยังชีพเดือนละ 800 บาท และจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อย เดือนละ300บาท แต่เธอต้องจ่ายเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เดือนละ 500 บาท ทุกเดือน

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image