พ่อแห่โลงศพลูกชาย ร้องขอความเป็นธรรมหน้าศาลากลางจังหวัด หลังถูกระดมยิงวิสามัญฯ

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 22 กันยายน บรรดาญาติๆ ของนายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกวิสามัญเสียชีวิตพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากขับรถยนต์กระบะทะเบียน บบ – 1233 ภูเก็ต แหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต และมีการเฉี่ยวชนรถของประชาชนที่จอดติดสัญญาณไฟแดง

หลังเกิดเหตุตรวจสอบอาวุธปืนและเครื่องกรสุนปืนจำนวนหนึ่งภายในรถ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา นำโดยนายอรุณ เครือจันทร์ บิดา ได้แห่โลงศพของนายชิษณุพงษ์ฯ ออกจากวัดอนุภาษกฤษฎาราม (วัดเก็ตโฮ่) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งภายในขบวนมีรถชนิดต่างๆ ประมาณ 50 คัน และบนรถบรรทุกโลงศพมีการติดตั้งป้ายข้อความต่างๆ เช่น ขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตาย นายชินณุพงษ์ เครือจันทร์ (น้องเอ็ม) กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.เชิงทะเล ได้ร่วมกันระดมยิงวิสามัญฆาตกรรม โดยผู้ตายไม่ได้มีการตอบโต้และต่อสู้แต่อย่างใด

โดยได้แห่โลงศพมายังบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต จากเดิมที่กำหนดจะมีการฌาปนกิจศพในวันนี้ (22 ก.ย.61) เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมเนื่องจากมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ และขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง

Advertisement

อย่างไรก็ตามเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงได้นำรถบรรทุกโลงศพจอดไว้หน้าประตูทางเข้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมารับเรื่องร้องทุกข์ พร้อมให้ตัวแทนเขียนคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษร กับทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำธงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อทางจังหวัดจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ภายหลังเขียนคำร้องแล้วเสร็จทางบิดาและญาติๆ ก็ได้เคลื่อนขบวนรถบรรทุกโลงศพไปไว้ที่วัดกะทู้ อ.กะทู้ เพื่อรอผลการสอบสวนว่าเป็นตามที่มีการเรียกร้องหรือไม่อย่างไร

นายอรุณ เครือจันทร์ บิดาของ นายชิษณุพงษ์ฯ ผู้เสียชีวิต ระบุว่า การเคลื่อนศพลูกชายมาประท้วงขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เนื่องจากยังติดใจในประเด็นการเสียชีวิตที่ตำรวจทำการวิสามัญฯ ซึ่งจากข้อมูลที่ตำรวจแจ้งมาอ้างว่าลูกชายตนขับรถแหกด่านจากพื้นที่ สภ.เมืองภูเก็ต หลบหนีไป ยังพื้นที่ สภ.เชิงทะเล และมีรถตำรวจได้ขับไล่ตามมาตลอดทาง จนรถของลูกชายเสียหลักไปชนกับฟุตบาทริมถนน และเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าได้เข้าไปสั่งให้ลูกชายตนลงจากรถแต่ผู้ตายไม่ยอมลงแต่กลับใช้อาวุธปืนยกขึ้นเล็งมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยิงต่อสู้ และเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อยับยั้ง แต่กระสุนถูกชายตนเสียชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าวมองว่าตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ผู้ตายไม่ได้มีการยิงปืนใส่ตำรวจเลย

“การนำศพมาที่ศาลากลางนั้นเพื่อต้องการเรียกร้องของความเป็นธรรมให้กับลูกชายและครอบครัวด้วย โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่คำกล่าวอ้างของตำรวจว่าผู้ตายขับรถแหกด่านไปจนถึงจุดที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตว่า มีความจริงมากน้อยเพียงใด พร้อมทั้งขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่มีส่วนร่วมในการเสียชีวิตของลูกชายตนออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง และต้องการเห็นรายละเอียดการตั้งด่านว่าในวันเกิดเหตุมีการตั้งด่านจริงหรือไม่อย่างไร และระหว่างนี้ก็จะไม่มีการฌาปนกิจศพก่อน เพื่อรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น” นายอรุณกล่าว

ด้านนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเบื้องต้นได้ให้ทางญาติผู้เสียหายที่ทราบข้อมูลรายละเอียดและมีข้อสงสัยต่างๆ เข้าเขียนคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อจะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ต่อไป และจะมีการเร่งรัดให้เร็วที่สุด

ขณะที่ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า เรื่องดังกล่าวทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจโดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย หลังเกิดเหตุทาง พนักงานสอบสวน สภ.เชิงทะเล พนักงานอัยการ ,แพทย์ ,ฝ่ายปกครอง และพิสูจน์หลักฐาน ได้มีการเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมในเหตุการณ์เบื้องต้นมีจำนวน 9 นาย ซึ่งทุกนายก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามกระบวนการของกฎหมาย โดยจะมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

“ส่วนการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 9 นายออกนอกพื้นที่นั้น ในส่วนของตนมีอำนาจสั่งย้ายเฉพาะภายในจังหวัด โดยจะได้ทำเรื่องเสนอไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อให้ย้ายนายตำรวจทั้ง 9 นายออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมงนี้ เพื่อความสบายใจของญาติในการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงทางคดี และในการสอบสวนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน หากผลการสอบสวนออกมาว่าตำรวจเป็นฝ่ายกระทำเกินกว่าเหตุจริงก็ต้องดำเนินคดีตามกฏหมาย”

“สำหรับข้อสงสัยต่างๆ ของทางญาตินั้นเราก็พร้อมที่จะชี้แจง และขอแสดงความเสียใจกับทางญาติๆของผู้เสียชีวิตด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ก็เข้าใจได้ถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ในการดำเนินการนั้นก็ไม่ได้หนักใจ เพราะทุกอย่างทำไปตามกระบวนการของกฎหมาย และบริสุทธิ์ ซึ่งในการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ทำเพียงลำพัง ยังมี อัยการ ฝ่ายปกครองและหน่วยที่เกี่ยวข้อง และพร้อมให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในส่วนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็ได้เน้นย้ำในเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ” พล.ต.ต.ธีระพล กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image