เมียมือปืนเปิดใจ… เผยสาเหตุก่อนสามีก่อคดีฆ่ายกครัว 7 ศพ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 2 มกราคม 2562 สำนักสงฆ์ปะติมะ ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพสมาชิกในตระกูลอ่อนมุกข์ จำนวน5 คน ที่ถูก นายสุชีพ ศรสังข์ ลูกเขยของ นางงุด อ่อนมุกข์ ยิงเสียชีวิตเกือบหมดทั้งบ้านเมื่อช่วงรอยต่อคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2562 ซึ่งญาติๆ และเพื่อนบ้านได้ช่วยกันจัดสถานที่พร้อมเตรียมอาหารไว้ต้อนรับผู้ที่จะมาร่วมฟังสวด โดยเมื่อคืนที่ผ่านมามี นายทินกร อ่อนมุกข์ ลูกชายคนสุดท้องที่รอดชีวิตและยังมีอาการบาดเจ็บคอยต้อนรับแขก ส่วน น.ส.บุณยนุช ศรสังข์ ลูกสาวของนางงุดซึ่งไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ และเป็นภรรยาของนายสุชีพได้เดินทางมาถึงบริเวณงานตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562

ทั้งนี้เวลา 11.30 น.นายอุดม บุญญโส นายอำเภอพะโต๊ะ ได้เดินทางมาดูความเรียบร้อยในการบำเพ็ญกุศลศพทั้ง 5 ราย และให้กำลังใจนายทินกร ก่อนเปิดเผยว่า อำเภอพะโต๊ะจะให้ความช่วยเหลือเรื่องงานศพอย่างเต็มที่ด้วยการเป็นเจ้าภาพให้ เพื่อให้งานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะครอบครัวนี้เหลือ นายทินกร อ่อนมุกข์ และ น.ส.บุญยนุช ศรสังข์ เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนอยู่ในภาวะที่กำลังเสียใจอย่างหนัก พร้อมกันนั้น ยังได้ประสานไปยัง รพ.พะโต๊ะ ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลสภาพจิตใจของนายทินกรด้วย ส่วนอาวุธปืนที่นายสุชีพใช้ก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่าเป็นปืนที่มีการจดทะเบียนไว้ในท้องที่อำเภออื่นและไม่ใช่ปืนของนายสุชีพ แต่ซื้อมาจากเพื่อน โดยยังไมได้โอน ซึ่งอำเภอจะต้องไปสืบหาว่าเจ้าของปืนเป็นใคร เพื่อเรียกมาสอบปากคำว่าเจ้าของปืนมีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งอำเภอพะโต๊ะมีความเข้มงวดในการอนุญาตการมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองของประชาชนมาก และส่วนใหญ่จะอนุญาตเฉพาะปืนเล็กยาว .22 เพื่อไว้ใช้ในบ้านเท่านั้น

จากนั้น น.ส.บุณยนุช ภรรยาของนายสุชีพ ยอมเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า รู้สึกเสียใจและช็อกมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามีตนเป็นคนขี้หึงและเป็นคนใจร้อน ไม่ทำงานอะไรเลย ทำให้ทุกคนไม่ยอมรับ ซึ่งนายสุชีพคงจะรู้ตัว ภายนอกคนอาจมองว่านายสุชีพคนดี แต่เป็นคนดีแค่เปลือกนอกเท่านั้น คนในบ้านทุกคนอึดอัดใจที่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสามีของตน เหตุการณ์ครั้งนี้ตนรู้สึกสะเทือนใจมาก แม้ว่าจะพยายามทำใจแล้วก็ตาม เพราะต้องรับรู้ข่าวที่คนภายนอกมองว่าครอบครัวของตนเองกดดันนายสุชีพ จนต้องก่อเหตุเศร้าสลดดังกล่าวขึ้น

“ตั้งแต่อยู่กินกันมานับ 10 ปี แรกๆ นายสุชีพทำตัวดี พูดจาสุภาพ แต่พออยู่กันนานเข้า นายสุชีพเริ่มออกลาย ทำในสิ่งไม่ดีหลายๆอย่าง รวมทั้งเป็นคนขี้หึงอย่างรุนแรง ทั้งที่นายสุชีพรู้ว่า อาชีพของดิฉันต้องพบปะลูกค้าเป็นจำนวนมาก และทำงานไม่เป็นเวลา ซึ่งนายสุชีพเคยใช้อาวุธปืนไล่ยิงดิฉันมาแล้ว และเคยทำร้ายร่างกายจนต้องส่งโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะถูกชกจนม่านตาแตก ต้องไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิปวีณา ทำให้เคยฟ้องหย่าหลายครั้ง แต่นายสุชีพมักจะเอาลูกมาเป็นตัวประกัน จนตนใจอ่อน เพราะไม่อยากให้ลูกๆ มีปัญหา แต่แทนที่นายสุชีพจะสำนึก กลับหนักข้อขึ้นกว่าเดิม จนตนต้องหนีออกจากบ้านไป ทำให้นายสุชีพ โกรธมากจนโทรศัพท์มาขู่ฆ่าดิฉันและครอบครัวก่อนหน้านี้” น.ส.บุณยนุช กล่าว

Advertisement

น.ส.บุณยนุช กล่าวในตอนท้ายว่า ยอมรับว่าทุกคนในครอบครัวตนไม่มีใครชอบนายสุชีพ เพราะไม่สนใจช่วยเหลือที่บ้านเลย แม้แต่ค่าเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนก็ไม่เคยหยิบยื่น เงินที่มีก็นำไปซื้อเหล้าเบียร์หมด ปล่อยให้เป็นภาระตนและครอบครัว จึงเป็นธรรมดาที่แม่และพี่น้องของตนจะต้องบ่นบ้าง เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา ตนตั้งใจว่าจะต้องกลับมาบ้านเพื่อเยี่ยมแม่กับลูก แต่เพราะติดงานที่พัทยา ทำให้นายสุชีพไม่พอใจ เมื่อมาได้ยินพี่น้องของตนนินทานายสุชีพอีก นายสุชีพจึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว และหากวันเกิดเหตุตนอยู่ด้วย ก็คงถูกยิงตายเป็นคนแรกอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image