‘ปาบึก’ ถล่มฝนกระหน่ำใต้ ทัพเรือเผยมีเรือประมง21ลำไม่ยอมเข้าฝั่ง เร่งดำเนินการป้องกันอันตราย

เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่จังหวัดสงขลาเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอิทธิพลที่เกิดจากพายุโซนร้อนปาบึก ที่เริ่มส่งผลกระทบแล้ว โดยฝนที่ตกต่อเนื่องนั้นทำให้ประชานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เช่นเดียวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสงขลา ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยเฉาะพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอสะเดา อำเภอหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอบางกล่ำ และลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอสิงหนคร สทิงพระ กระแสสินธุ์และอำเภอระโนด

ทั้งนี้ พายุโซนร้อนปาบึกยังส่งผลกระทบทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยที่หาดสมิหลานั้น คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ซัดเข้าชายฝั่ง เทศบาลนครสงขลา ได้ติดธงแดงเตือนห้ามประชาชนและนักท่องเที่ยว ลงเล่นน้ำทะเลเด็ดขาด ซึ่งเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก รวมถึงเรือประมงขนาดกลางและขนาดใหญ่ ต่างก็ได้เดินทางกลับเข้าฝั่งเป็นส่วนใหญ่

แต่ทัพเรือภาคที่ 2 รายงานว่า มีเรือประมงขนาดใหญ่อีก 21 ลำที่ยังไม่เดินทางเข้าฝั่ง แม้จะประสานงานล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนั้นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ประมาณ 40 ลำได้จอดทอดสมอลอยลำอยู่ที่เกาะหนูเกาะแมว หลบความแรงของคลื่น ล่าสุด เจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาสงขลา ได้ออกประกาศห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่งในระยะนี้

นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จังหวัดสงขลาได้มีการตั้งคณะทำงานวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ด้านอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มของจังหวัดสงขลา โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นหัวหน้าคณะและมีผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกเป็นเลขานุการ ซึ่งได้มีการเฝ้าระวังติดตามมาตลอดเวลา รวมทั้งพายุปาบึก” ซึ่ง ผอ.อุตุฯ ได้ประเมินว่าช่วงเกิดพายุ “ปาบึก” ของจังหวัดสงขลาที่อาจมีผลกระทบจากคลื่นลมแรงและมีฝนตกหนักในพื้นที่ 6 อำเภอชายฝั่งทะเลอ่าวไทย และสภาพพื้นที่ชายฝั่งของอำเภอในคาบสมุทรสทิงพระอาจมีน้ำท่วมขังได้ อีกส่วนคือพื้นที่เสี่ยงต่อดินถล่ม ได้แแก่อำเภอสะเดา อำเภอสะบ้าย้อยและอำเภอรัตภูมิ

Advertisement

สำหรับการแก้ไขสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชน ขณะนี้จังหวัดสงขลาได้เตรียมความพร้อมครอบคลุมทั้งจังหวัดใน 4 ลุ่มน้ำที่อาจมีผลกระทบทั้งลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา เทพา นาทวี คลองภูมีและตามคาบสมุทร โดยเตรียมชุดกู้ภัยพร้อมเครื่องมือลงในพื้นที่เสี่ยงโดยบูรณาการหน่วยงานต่างๆ อาทิ ศูนย์ ปภ. เขต 12 สงขลา ทัพเรือภาค 2 มณฑลทหารบกที่ 42 ทรัพยากรน้ำภาค 8 อบจ.สงขลา ชลประทานสงขลาและชลประทานที่ 16 ได้จัดวางเครื่องสูบน้ำในคาบสมุทรสทิงพระ 43 เครื่อง และสำรองอีก 50 เครื่องรวมทั้งในส่วนลุ่มน้ำเทพา นาทวี ก็ได้จัดวางเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไว้ในจุดเสี่ยงสำคัญๆ ส่วนพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ทางชลประทานจังหวัดสงขลาได้ดำเนินการขุดขยายคลองและวางเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำไว้อย่างเหมาะสมไว้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ได้มอบให้อำเภอแต่ละอำเภอจัดตั้งจิตอาสาภัยพิบัติที่ผ่านการฝึกอบรมของจังหวัดสงขลาตั้งแต่วันที่ 1-16 ธันวาคม 62 ไว้พร้อมที่จะเข้าให้การช่วยเหลือได้อย่างทันทีครอบคลุมทุกอำเภอ รวมถึงได้เตรียมเสบียง เครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่ม โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลาและประสานเครือข่ายมูลนิธิประชานุเคราะห์ดำเนินการจัดตั้งครัวพระราชทานในกรณีมีการอพยพประชาชน อีกทั้งการจัดตั้งศูนย์ประสานงานจากพื้นที่เสี่ยง โดยอาสาสมัครและอปท.เพื่อติดตามและเฝ้าระวังแจ้งเตือนพร้อมประสานกอปภจ.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image