‘ชวน’ บอกเลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครมาก เผย 70 ปีที่เล่นการเมือง เพราะชอบประชาธิปไตย

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตตรัง ซึ่งเป็นวันแรกของการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตรัง 3 เขตเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคต่างๆ ไปปรากฏตัวจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ขณะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ไปสมัครรับเลือกตั้งว่า วันนี้มาเป็นกำลังใจให้ว่าที่ผู้สมัคร ทั้ง 3 เขตพร้อมเป็นกำลังใจให้แก่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ว่าที่ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ เนื่องจากเขตลดไป 1 เขต

“คิดว่าเรามาทำงานการเมืองเพราะว่าเราชื่นชมระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พรรคประชาธิปัตย์ก็ยึดแนวนี้มาตลอดระยะเวลา 70 กว่าปี ในฐานะนักการเมืองเราอาสาสมัครเป็นผู้แทนก็ดี ผู้สมัครทั้ง 3 เขตก็ดี มาด้วยความอาสาสมัครไม่ใช่ใครไปขอร้องให้มา เพราะฉะนั้นเมื่ออาสามาสมัครใจมาก็ตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้คนเลือก ไม่ใช่สมัยเดียว แต่ว่าทุกสมัยที่ลงเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นต้องยึดความซื่อสัตย์สุจริต ทำงาน ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร เราก็ทำหน้าที่ตลอดแม้กระทั่งในยุคที่ทหารยึดอำนาจมา เราก็ไม่ว่างเว้นที่จะดูแลชาวบ้านมีปัญหา อะไรที่ชาวบ้านร้องเรียนให้เข้ามาทำไม่ใช่ปล่อยปละละเลยว่าเมื่อไม่มีการเลือกตั้ง เราก็ปล่อยไปไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเรารู้ว่าในสภาถึงแม้ว่ามีสภามาจากแต่งตั้ง แต่สมาชิกสภาแต่งตั้งเขาก็หวังดีกับบ้านเมือง เขาไม่เข้าใจปัญหาชาวบ้าน แต่เขาไม่รู้ว่าชาวบ้านเป็นอย่างไรเพราะเขาฟังตัวเลขรัฐบาล แต่เรารู้ในฐานะที่เจ้าบ้านบอกเศรษฐกิจเติบโตเราก็รู้ว่าชาวบ้านจนลงกว่าเดิมมาก” นายชวนกล่าว

Advertisement

นอกจากนี้ นายชวนกล่าวว่า ได้ทำหนังสือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึง 2 ครั้ง เพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร

“เป็นส่วนหนึ่งที่อยากให้ทราบว่า เมื่อเราชื่นชม ส่วนใหญ่อยากให้ทราบว่าเมื่อเราชื่นชมเราพอใจระบบนี้เราต้องสนับสนุนโดยตลอด แต่ว่าการที่จะทำให้ไปรอดจริงๆ นั้น ไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญเป็นสาระสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ผู้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นตอนที่เขาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะเห็นได้ชัดว่าผู้ร่างเขาเชิญผม นายจุรินทร์ และนายราเมศ ไปพูดให้เขาฟังว่าในความเห็นของพวกเรานั้นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ตัวบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวปัญหา แต่ว่าปัญหาเกิดที่ผู้ปฏิบัติ เหตุที่มีปัญหาเพราะผู้ปฏิบัติไม่ยึดหลักประชาธิปไตยที่แท้จริง อย่างเช่น ภาคใต้ไม่ยึดหลักถูกเป็นถูกผิดเป็นผิดไปใช้วิธีการนอกกฎหมาย ปัญหาต่างๆ จึงกลายเป็นประเด็นใหม่ขึ้นมา มีองค์กรใหม่เกิดมา ทำให้ภาคใต้เราไม่สงบ อย่าไปโทษประชาชนที่ชุมนุม เพราะถ้าไม่มีประชาชนที่ชุมนุม ทรราชก็ครองเมืองตลอดไป เพราะทรราชสามารถซื้อองค์กรต่างๆ ได้หมดแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อก็ถูกซื้อเกือบหมด เพราะฉะนั้นคนที่ตรวจสอบดูแลความถูกต้องไม่มีใครกล้าพูด กล้าเถียง เพราะฉะนั้นประชาชนองค์กรสุดท้ายที่จะมาคุ้มครองประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเราให้ความเคารพการคิดของประชาชนในเรื่องต่างๆ โดยเราต้องทำหน้าที่ตอบสนองและยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายชวนกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีผู้สมัครหลายพรรคและมีการแข่งขันสูง และหลังการเลือกตั้งจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นผลมาจากตัวรัฐธรรมนูญที่เขียนใหม่ รัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น คำนวณให้ทุกคะแนนเสียงมีผล เพราะฉะนั้นทุกพรรคก็จะได้ผู้แทนสมมุติได้จังหวัดนี้ 1,000 เสียง ได้จังหวัดโน้น 2,000 เสียง รวมทั้ง 77 จังหวัด แล้วอย่างน้อยก็ต้องมีบัญชีรายชื่อ อาจจะไม่มีเขตเลือกตั้งเลยสักคนเดียว แต่ว่าได้ระบบบัญชีรายชื่อมารวมแล้วก็จะมีผู้แทน 3 คน 4 คน 5 คน ก็จะมี ส.ส.ในสภาหลายพรรค แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีพรรคการเมืองถึง 104 กว่าพรรค แต่ว่าทราบว่าที่สามารถส่งได้จริงๆ คงไม่ถึง ประมาณไม่เกินครึ่งหนึ่งของพรรคการเมือง เพียงแต่ว่าจะมีมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่จำนวน เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญซึ่งต่างจากเดิมมาก

นายชวนกล่าวว่า ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น ต้องบอกประชาชนให้รู้ว่าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร เขาต้องใช้ดุลพินิจว่าต้องการให้การเมืองเป็นอย่างไร เช่นต้องการให้มีพรรคการเมืองหลายพรรคหรือไม่ หรือต้องการให้พรรคการเมืองมีน้อยหรือให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือต้องการหลายพรรค เพื่อให้เกิดหลายความคิดความเห็นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประชาชน แต่ผมเชื่อว่าในยุคสมัยนี้ไม่ง่ายนักหากใครจะมาหลอกชาวบ้าน เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงประชาชนก็เก่งขึ้นฉลาดขึ้นรอบรู้มากขึ้น

“กระบวนการที่เราต่อต้านมาทุกครั้งเช่นระบบซื้อเสียง เจ้าหน้าที่จะได้ดูแล เชื่อว่า กกต.จะได้ดูแล ทั้งนี้ ตนไม่ประเมินพรรคการเมืองอื่น แต่ตนคิดว่าประชาชนเป็นผู้ใช้ดุลพินิจ ซึ่งประชาชนก็ไม่ได้ยึดพรรคหนึ่งพรรคใดตลอดไปหรือตลอดชีวิต ถ้าคนหนึ่งประพฤติไม่ได้ชาวบ้านเขาก็ใช้ดุลพินิจดู เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นถ้านักการเมืองไม่ซื่อตรงต่อเขา ในเรื่องการประเมินยังประเมินได้ในใจรอให้พรรคประกาศบัญชีรายชื่อและได้ประชุมร่วมกัน ขึ้นอยู่กับการบริหารพรรค และดูบรรยากาศการหาเสียงเป็นอย่างไร” นายชวนกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image