เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การค้าชายแดนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ที่ผ่านจังหวัดหนองคายหลังเข้าสู่เออีซีเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปี เนื่องจาก สปป.ลาวยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดยังคงเป็นน้ำมันปิโตรเลียม ส่วนสินค้านำเข้าเป็นรถยนต์นั่งที่มีกระบะใหม่เครื่องยนต์ดีเซล ไม่เกิน 3000 ซีซี
นางชลทิชา ลัดดาวัลย์ พาณิชย์จังหวัดหนองคาย เปิดเผยเกี่ยวกับการค้าชายแดนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ที่ผ่านจังหวัดหนองคายหลังเข้าสู่เออีซีว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 คือตั้งแต่เดือน มกราคม-มีนาคม มีมูลค่ารวม 15,435 ล้านบาท แยกเป็น ส่งออก 13,718 ล้านบาท และนำเข้า 1,717 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ 2558 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 1,003 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.95
นางชลทิชาเปิดเผยต่อไปอีกว่า เมื่อเทียบมูลค่าการค้ารวมระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ กับเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้น คือในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 มีมูลค่าการค้ารวม 4,964 ล้านบาท ส่วนเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่าการค้ารวม 5,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148 ล้านบาท คือคิดเป็นร้อยละ 2.99 ส่วนสินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก คือน้ำมันปิโตรเลียม, รถยนต์นั่งพร้อมเครื่องปรับอากาศขับเคลื่อน 4 ล้อ และเครื่องดื่มรวมถึงน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลหรือสารทำให้หวานอื่นๆ ส่วนสินค้านำเข้าจาก สปป.ลาว 3 อันดับแรก คือรถยนต์นั่งที่มีกระบะใหม่ เครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 3000 ซีซี, ชุดสายไฟรถยนต์สำเร็จรูป สายเคเบิล และส่วนประกอบของร้องเท้าด้านบน
ขณะที่พาณิชย์จังหวัดหนองคาย ได้กล่าวถึงมูลค่าการค้าใน 3 ไตรมาสที่เหลือว่า น่าจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก สปป.ลาว เองในช่วงนี้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ มีการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากไทยเพิ่มมากขึ้น
สำหรับบรรยากาศการส่งออกที่ด่านพรมแดนหนองคายวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีรถบรรทุกสินค้าเป็นจำนวนมากจอดรอเพื่อทำพิธีการทางศุลกากรก่อนที่จะนำสินค้าข้ามไปส่งใน สปป.ลาว ทำให้รถขนส่งสินค้าจอดยาวจนล้นด่านออกมากว่า 1 กิโลเมตร
