ซีพีเอฟลุยปั้นสตาร์อัพ ชิมลางดัคกาลบี้กรุ๊ป พร้อมหนุนออกต่างประเทศ

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแนวคิดในการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (สตาร์ทอัพ) ในด้านร้านอาหาร เพื่อช่วยจัดการข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพต้องเจอ ทั้งด้านเทคโนโลยี ระบบริหารจัดการ องค์ความรู้ เครือข่าย เงินทุน และทรัพยากรต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้สตาร์ทอัพเหล่านี้ สามารถใช้ศักยภาพที่มีในการขยายงานและพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เติบโตสู่การเป็นเจ้าของเครือข่ายร้านอาหารระดับโลกได้ในอนาคต

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า บริษัทฯได้คัดเลือกบริษัท ดัค กาลบี้ กรุ๊ป จำกัด ในการสนับสนุนเป็นรายแรก ซึ่งดัค กาลบี้เป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารเกาหลีภายใต้แบรนด์ “Dak Galbi” (ดัค กาลบี้) โดยบริษัทฯจะถือหุ้น 40% ส่วนดัค กาลบี้จะถือหุ้น 60% และในปี 2563 จะผลักดันให้ดัค กาลบี้ ออกไปประกอบธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มที่จีน เป็นประเทศแรก และจะปรับเปลี่ยนสัดส่วนในการถือครองหุ้นเป็น บริษัทฯ 60% ส่วนดัค กาลบี้ 40%

“บริษัทฯจะเลือกสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่มีต้นแบบในการดำเนินธุรกิจ และได้ประกอบธุรกิจมาแล้วในระยะหนึ่ง เพราะจะมีโอกาสในการขยายธุรกิจได้สูงมากกว่า โดยตั้งเป้าหมายที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 20 รายต่อปี แต่จะเป็นในลักษณะของการร่วมหุ้นหรือควบรวมกัน จะต้องพิจารณาเป็นรายกรณี”นายประสิทธิ์กล่าว

นางปรียาวรรณ ตันตสุรฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ดัค กาลบี้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ดัคกาลบี้กรุ๊ปได้เริ่มขยายสาขาร้านอาหาร “วอค สเตชั่น” (Wok Station) 3 สาขา ซึ่งเป็นร้านอาหารในรูปแบบเอเชียนสตรีทฟู้ด โดยมีสาขาต้นแบบอยู่ที่ 101 ทรู ดิจิทัลพาร์ค ถนนสุขุมวิท 101 และตั้งเป้าหมายที่จะขยายให้ครบ 10 สาขาภายในปี 2562 นี้ รวมถึงปัจจุบันมีร้านอาหารภายใต้แบรนด์ดัค กาลบี้ 10 สาขา ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปีจะสามารถขยายสาขาได้เพิ่มอีก 10 สาขา โดยใช้งบลงทุนแต่ละสาขาเฉลี่ยอยู่ที่ 3-10 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 200 ล้านบาท และภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท

Advertisement

“ถึงแม้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจจะไม่ดีมากนัก แต่หากผู้ประกอบการสตาร์ทอัพสามารถจับทิศทางการตลาดในขณะนั้นได้ มีการปรับตัวที่ดีก็จะอยู่รอดและเติบโตได้ ข้อดีคือสตาร์ทอัพมีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงสามารถปรับตัวได้เร็วมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ โดยทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ถึงแม้กำลังซื้อจะไม่ฟื้นดี แต่ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ได้รับผลน้อยสุด เพราะเป็นเรื่องของการบริโภค ทำให้ได้รับผลกระทบน้อย ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้ได้ อย่างดัค กาลบี้จะมีการทำโปรโมชั่น เพื่อไม่ให้ยอดขายตกมาก ก็ทำให้อยู่รอด”นางปรียาวรรณกล่าว

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image