4 พรรค 4 กลยุทธ์ ชิง ‘ขอนแก่น เขต 7’

ภายหลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 แทนตำแหน่งที่ว่างลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศกำหนดวันลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-2 ธันวาคมที่ผ่านมา

ปรากฏว่า มีผู้มาสมัครทั้งสิ้น 4 คน คือ เบอร์ 1 นายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 นายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 3 พ.ต.อ.กิตติกูร กาญจนสกุล พรรคเสรีรวมไทย และ
เบอร์ 4 นายสุทัศน์ ผลบุญ พรรคพัฒนาชาติ

การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี 2 พรรคใหญ่ และอีก 2 พรรคเล็ก เป็นทางเลือกสำหรับชาวขอนแก่น เขต 7

นายธนิก มาสีพิทักษ์ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย เผยว่า จากการลงพื้นที่ได้การตอบรับดีมาก เพราะชาวบ้านมีความนิยมพรรคสูงอยู่แล้ว ถึงขนาดว่าพรรคเพื่อไทยใครก็ได้ พอผมลงพื้นที่ก็เหมือนกับว่าตอบโจทย์ที่พี่น้องมีความคาดหวัง คือ เข้าหาง่าย ทักทายและพูดคุยกันได้

Advertisement

ประชาชนมีการพัฒนาการที่สูงขึ้น เขาไม่ได้หวังที่จะรอรับปัจจัยหรือเงิน เขาไม่ได้สนใจ เขารู้ว่าเราไม่มี และรู้ว่าเราถึงมีก็จะไม่ทำ ที่ผ่านมาพี่น้องเห็นการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้ง และพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายในการซื้อเสียง เขาก็เลยไม่ได้รอเรื่องนี้

เขารอแค่เพียงว่าคนไหนที่จะมาเป็นตัวแทนเขา มาเป็นผู้แทนเขา ถ้าเป็น ธนิก คนนี้เขาบอกโอเค ซึ่งผมลงไปก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ผมจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น ส.ส.ผมก็อยู่ในพื้นที่ตลอด พูดได้ว่าตลอด 52 สัปดาห์ผมลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 40 สัปดาห์ ที่ผ่านมาผมได้บัตรทองจากการบินไทยตลอดเลยมา 10 กว่าปี เพราะผมต้องเดินทางขอนแก่น-กรุงเทพฯ ถ้าพูดแบบชาวบ้าน เสมือนหนึ่งว่าทางไปนา

“ไม้เด็ดของผมคือการปราศรัยและเข้าถึงประชาชน แต่ทางฝ่ายเขาไม่เหมือนกันไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไรซึ่งพูดได้แค่นี้ เท่าที่ทราบมีการสังเกตว่า คือการใช้อำนาจรัฐ เรียกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นผู้นำของหมู่บ้านไปสั่งการ แล้วถึงขนาดไปข่มขู่ว่า ถึงขั้นมีการมอบหมายให้จัดตั้งแกนนำของแต่ละหมู่บ้าน ถ้าใครไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกเรียกเข้าไปพูดคุย ถูกเรียกเสร็จ พูดคุยเสร็จ ก็ยังไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะมีโทรศัพท์จากบุคคลลึกลับมาข่มขู่ว่าทำไมถึงไม่ให้ความร่วมมือ ถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือ ถ้าเป็นท้องที่ก็บอกว่าคุณต้องให้ความร่วมมือจากพวกเราประมาณนี้ อันนี้คือเรื่องของอำนาจรัฐ

ในส่วนเรื่องของตัวบุคคล ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ ก็เหมือนจะให้คนไปสอดแนม ทำนองให้เหมือนกับว่าใช้ลักษณะของการปรามทางอ้อม มีบุคคลลึกลับแปลกหน้าเข้าไปดูในพื้นที่ ซึ่งใช้ในลักษณะของจิตวิทยาในการปราม ซึ่งสายญาติผมซึ่งเป็นผู้มีฐานะ ก็จะมีการเข้าไปพูดคุย เหมือนบอกว่าคุณอย่าให้ความร่วมมือเขานะ จนกระทั่งตอนนี้ทางญาติผมที่มีกิจการการค้า กลัวกระทบกระเทือนบอกไม่ให้ผมเข้าไปหา เพราะมีคนมาหา บอกว่าไม่ให้ความร่วมมือกับผม ท้ายที่สุดคนที่มีอำนาจในระบอบประชาธิปไตยคือพี่น้องประชาชน ผมพร้อมที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนเพื่อบรรลุเป้าหมายŽ”

ส่วน นายสมศักดิ์ คุณเงิน เบอร์ 2 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เสียงตอบรับดีมาก เราให้พี่น้องเห็นว่าการเลือกตั้งซ่อมนั้นสู้กันระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล แล้ววันนี้ ถามว่าฝ่ายค้านมีหน้าที่อะไร และทำอะไรได้บ้าง นอกจากควบคุมตรวจสอบและด่ารัฐบาลเป็นรายวัน แล้วมีอะไรจะเกิดอานิสงส์กับพื้นที่ได้จับต้องได้สัมผัสได้บ้าง ภาวะที่แล้งสุดขีด ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่จะต้องแก้ไข ถามว่าใครจะเป็นคนแก้ไขได้ น้ำลายไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แน่นอน

และนอกจากปัญหาแล้งที่ประสบรุนแรงแล้ว พี่น้องในพื้นที่ได้เกี่ยวข้าวที่จะได้พออยู่พอกินตลอดฤดูกาลมีไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อีก 50 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ถามว่าต้องซื้อข้าวสารมาบริโภค ถามว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าวสารบริโภค น้ำปลา บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง ก็เห็นแต่เพียงบัตรสวัสดิการของรัฐ ที่แม่ใหญ่ถืออยู่ครอบครัวละ 2 ใบบ้าง ใบเดียวบ้าง ที่ได้ต่อลมหายใจ เป็นวันเป็นเดือน และผู้สูงอายุก็รอคอย สิ้นเดือนสำหรับเงิน 600 บาท สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันคือปัญหาเฉพาะหน้า

ฝ่ายค้านไม่มีอะไรเชิงสร้างสรรค์ มีแต่ด่าทอว่าฤดูกาลนี้ใครจะเป็นคนแก้ ใครที่จะสามารถจัดสรรเม็ดเงินได้ ใครยื่นมือมาแตะมือของพี่น้องเกษตรกร คนที่นาแล้ง จัดสรรโอนเงินไร่ละ 500 บาท มันอาจจะไม่มีราคาค่างวด สำหรับคนเมือง คนมีฐานะทางสังคม แต่มันมีความหมายกับชีวิตและปากท้องของชาวนา ชาวไร่ ฝ่ายรัฐบาลจัดสรรงบประมาณได้และสามารถสร้างงานในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งที่มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เพราะเป็นครอบครัวรัฐบาล สามารถพูดจากันได้มากกว่าฝ่ายค้าน สื่อสารไปถึงรัฐบาลได้ง่าย และก็บอกถึงวิธีแก้ปัญหา เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐควรจะเพิ่มจาก 300 เป็น 500 บาท ได้แล้ว เรื่องชดเชยภัยแล้งไร่ละ 1,113 บาท ถึงเวลาที่จะชดเชยภัยแล้งเป็นไร่ 2,000 บาท เพราะต้นทุนการทำนา 4,000 บาท เพราะฉะนั้นเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ขอให้พี่น้องที่มีสิทธิเลือกตั้ง เลือกฝ่ายที่เป็นประโยชน์และแก้ปัญหาได้

“พรรคการเมืองบางพรรคเอาคนมาฟังปราศรัย 12,000 คน อยากให้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายด้วย การปราศรัยหาเสียงแต่ละครั้งก็อยากให้เล่นในเกม คือ เขาหาเสียงให้ประชาชนเลือกผู้สมัคร ไม่ใช่เปิดเวทีปราศรัยแล้วไล่รัฐบาล มันผิดเวทีกัน แล้วผมอยากจะให้การหาเสียงเป็นเรื่องของ ส.ส.ในพื้นที่ ไม่ใช่เอาพี่เลี้ยงมาลุยหาเสียงเอง เหมือนว่าประชาสัมพันธ์คนสำคัญของพรรค ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ผู้สมัคร

ด้าน นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์Ž รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า ในครั้งนี้เป็นแนวทางที่ว่าพรรคเพื่อไทยตอนแรกมีข่าวว่าผู้สมัครมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรค ตามที่ปรึกษาพรรคเสนอมาว่ามันน่าจะมีปัญหา เราก็เลยคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็จะไม่มีคู่แข่งขัน ก็เลยส่งผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทยลงไป คือ พ.ต.อ.กิตติกูร กาญจนสกุล หมายเลข 3 เพราะหากมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เราก็จะได้มีคู่ต่อสู้กับฟากรัฐบาล

“พรรคเราส่งเข้าผู้สมัครเพื่อสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ตอนนี้ทราบแล้วผู้ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม เขต 7 ขอนแก่น ไม่มีผู้ถูกตัดสิทธิ ซึ่งทางพรรคเสรีรวมไทยก็จะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องต่อสู้รุนแรง เรายังยืนยันที่จะสนับสนุนฝ่ายค้าน ดังความตั้งใจเดิมเพียงแต่ลงเพื่อป้องกันการผิดพลาด นี่เป็นนโยบายของพรรคที่ป้องกันไว้ หากครั้งนี้ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ เราป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งที่เสียหายต่อทางพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนนโยบายของทางพรรคเราก็แสดงให้เห็นว่า เราเป็นฝ่ายอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ที่จะต่อสู้กับฝ่ายที่พรรคการเมืองที่ยังสนับสนุนชาตินิยมอยู่ให้ชัดเจน อธิบายให้ประชาชนรับฟังได้อย่างชัดเจน รับรู้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งนอกจากจะช่วยกันในระยะแรก ก็ต้องลงไปช่วยฝ่ายที่เป็นฝั่งประชาธิปไตย สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยเต็มที่ แต่ไม่ใช่เป็นการฮั้วกัน เพียงแต่เป็นฝ่ายสนับสนุนกันอย่างเต็มที่Ž”

ขณะที่ นายชนาธิป ตามสมัยŽ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติ กล่าวว่า นายสุทัศน์ ผลบุญ พรรคพัฒนาชาติ หมายเลข 4 มีเสียงตอบรับดีมาก การลงพื้นที่แต่ละครั้งเราใช้กลยุทธ์ โดยมีคำขวัญ เศรษฐกิจฟูเฟื่อง ลือเลื่องการศึกษา ดูแลผู้แก่ชรา พัฒนาชุมชนŽ ซึ่งอันนี้เป็นคำขวัญประจำของพรรค ขณะที่นโยบายที่หลักๆ ที่เคยให้ไว้ 4 ข้อ อาทิ เรื่องเศรษฐกิจ เราก็จะเน้นเรื่องปากท้อง เรื่องสร้างรายได้ รวยกระจุก จนกระจาย ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ สร้างเศรษฐกิจฐานรากและประเทศให้เข้มแข็ง

“หลังจากที่เราลงพื้นที่ส่วนใหญ่จะเรียกร้องเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ตอนนี้เศรษฐกิจของเราฝืดเคือง เรื่องการจับจ่ายใช้สอยน้อยมาก ไปดูตามตลาด ตามห้างจะเงียบมาก อันนี้สำคัญที่สุดเพราะประชาชนมีเงินในกระเป๋าเหลืออยู่น้อย เราจะทำยังไงเราจะทำให้ประชาชนมีเงินใช้ในระยะยาว เราต้องสอนให้เขามีอาชีพ สอนให้มีงานทำ ต้องสร้างอาชีพให้ประชาชน ผมขอวิงวอนให้มาเลือก ดร.สุทัศน์ เพื่อให้มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และกระจายรายได้ไปสู่ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ให้มองทางเลือกสุดท้าย เพราะเราได้เบอร์ 4 เป็นเบอร์สุดท้ายก็อยากให้ประชาชนให้มีทางเลือกสุดท้ายเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านได้สำเร็จŽ”

การหาเสียง 4 พรรค 4 กลยุทธ์ ในภารกิจที่ไม่มีใครอยากแพ้ ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ น่าจะถึงวันหย่อนบัตรนั่นเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image