‘นิพนธ์’ สะท้อนปัญหายาง ฝากการบ้าน ‘เอ็มเทค’ เร่งวิจัย-พัฒนา หวังระบายสต๊อก
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง จ.บึงกาฬ ภายในงานวันยางพาราบึงกาฬ 2563 ครั้งที่ 8 นายนิพนธ์ คนขยัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยระหว่างการจัดกิจกรรมเอ็มเทคสัญจร พบเกษตรกรชาวสวนยางพารา จ.บึงกาฬ ว่า ในเรื่องของราคายางพารา นอกจากจะอ้างอิงตามตลาดโลกแล้ว ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการผลิตและแปรรูปยางพารา เพื่อให้เกิดการนำยางในสต๊อกออกมาใช้ให้มากขึ้น
“ถ้ารัฐบาลต้องการแก้ปัญหายางพาราที่เหลืออยู่ 3 ล้านตัน ในประเทศไทย เราต้องช่วยกันหาวิธีระบายสต๊อกยางที่เหลืออยู่ออกไปให้หมด ซึ่งมองว่าโครงการที่รัฐบาลกำลังเร่งปฏิบัติอยู่ ถือว่ามาถูกทาง อาทิ โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร และการนำยางไปสร้างแบริเออร์ เป็นต้น ทั้งนี้ มองว่าหากรัฐบาล สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้จะช่วยให้เกษตรกรกว่า 70% มีรายได้ รวมถึงจะช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากดีมากขึ้น ฉะนั้น ภาครัฐจะต้องให้เงินทุนด้านการวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น ผมขอฝากการบ้านให้นักวิจัยคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นผลประโยชน์ของคนในชาติต่อไปไว้ด้วย” นายนิพนธ์กล่าว
นายสุรพิชญ ลอยกุลนันท์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง เอ็มเทค กล่าวว่า วิธีการระบายยาง จะต้องทำคู่ไปกับงานวิจัย ซึ่งวิธีแก้มี 3 ลักษณะ คือ 1.ลดต้นทุนการผลิต ซึ่งตอนนี้ไทยมีคู่แข่งคือประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าแรงที่ต่ำกว่า ดังนั้น ไทยต้องนำเครื่องจักรกลเข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อประโยชน์ระยะยาว 2.เพิ่มมูลค่า ต้องมีการพัฒนาคุณภาพของยางให้ดีขึ้น สร้างความแตกต่าง และ3.นำนางพารามาใช้ทดแทนในสิ่งที่เกิดประโยชน์มากขึ้น เพื่อระบายสต๊อกยาง
“การจะพัฒนาโจทย์ปัญหาที่ใหญ่ขนาดนี้ ด้วยจำนวนนักวิจัยของเอ็มเทคที่มีเพียง 30 คนนั้น จึงต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงาน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการพัฒนาแปรรูปในรูปแบบใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น อาทิ การพัฒนาเครื่องอบแห้งยางพารา, เครื่องเก็บรักษาคุณภาพยาง” นายสุรพิชญกล่าว
นายไพโรจน์ จิตรธรรม หัวหน้าทีมวิจัยการผสมยางและการแก้ปัญหาเชิงวิศวกรรม เอ็มเทค กล่าวว่า ขณะนี้ ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ยางล้อ ซึ่งทีมวิจัยมีหน้าที่พัฒนาสูตรยางให้มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเปรียบเทียบกับยาง มองว่าคุณภาพยางพาราของไทยยังดีกว่าหลายประเทศในโลก ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างการพัฒนาล้อรถอีแต๊ก ที่ชาวบ้านใน จ.บึงกาฬ ต้องการให้พัฒนาคุณภาพให้มากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ทีมวิจัยจะทำการสำรวจและนำมาพัฒนาต่อไป
นายทิพย์จักร ณ ลำปาง หัวหน้าทีมวิจัยวัสดุยางและการขึ้นรูปขั้นสูง เอ็มเทค กล่าวว่า ในเรื่องของการพัฒนาและการแก้ปัญหายางพารา มองว่าควรแก้ไขปัญหาโดยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง อาทิ ยางขอบประตูเรือ และอุปกรณ์ในการช่วยชีวิต หรือซีพีอาร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ยังได้ศึกษาในเรื่องของดินดาน เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว โดยที่ผ่านมาได้มีการช่วยเหลือเกษตรกรในการปรับปรุง รวมถึงนำเครื่องจักรเข้าไปช่วยแก้ปัญหา และจะเดินหน้าสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
นายกฤตพร อุตรา ผู้ช่วยวิจัย ทีมวิจัยวัสดุยางและการขึ้นรูปขั้นสูง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย กาวดักแมลงจากยางพารา มีคุณสมบัติเหนียวและดักแมลงได้ดี, ถุงมือยางพารา และยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ที่จะนำไปทำเป็นกรวยจราจรและพื้นรองเท้า
นางสาวเนตรชนก ปิยฤทธิพงศ์ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเพิ่มมาตรฐานผลิตภัณฑ์หรือข้อกำหนดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเอ็มเทคได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 30 ผลิตภัณฑ์ อาทิ เส้นด้ายยางยืด, ล้อตัน นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถเข้ามาปรึกษาเอ็มเทค ในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์จากยางพาราได้ โดยทางเอ็มเทคจะช่วยจัดหาแหล่งทุน และร่วมพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน จากนั้นจะส่งเรื่องให้ทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อออกประกาศมาตรฐานของสินค้าให้ นำไปใช้ต่อยอดธุรกิจ และส่งออกสินค้าไปต่างประเทศต่อไปในอนาคต