เมื่อวันที่ 8 เมษายน พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.มณี สารขันธ์ พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจ สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจากผู้นำชุมชนว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา มีมิจฉาชีพ เป็นชายแต่งตัวคล้ายหมอและแอบอ้างว่าเป็นหมอออกมาตรวจและจะมีเจ้าหน้าที่มาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี ที่บ้านโพนชัย หมู่ 11 ต.โพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหลอกให้ผู้เสียหายไปอาบน้ำก่อนตรวจ ก่อนจะฉวยโอกาสลงมือก่อเหตุขโมยสร้อยทองคำ โทรศัพท์มือถือ พร้อมเงินสดหลบหนีไป
จากการตรวจสอบพบนางทร บุญรอด อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 11 บ้านโพนชัย ต.โพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ให้การว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังนั่งเล่นอยู่ใต้ถุนเล้าข้าวหลังบ้าน มีชายอายุประมาณ 40 ปี แต่งกายชุดคล้ายหมอ สวมหน้ากากและหมวกกันน็อก สะพายกระเป๋าลักษณะเหมือนกล่องกระเป๋ายาสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วเดินเข้ามาหา ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นหมอ พร้อมบอกว่า จะมาตรวจและจะมีเจ้าหน้าที่ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ฟรี แต่ให้ไปอาบน้ำให้สะอาดก่อนตรวจ ซึ่งตนก็หลงเชื่อเข้าอาบน้ำในห้องน้ำหลังบ้าน แต่ได้ถือกระเป๋าไปวางไว้ที่หน้าห้องน้ำด้วย จากนั้นตนได้ตักน้ำอาบเพียง 3 ขัน ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที กลับออกมาพบว่า กระเป๋าที่มีเงินสดจำนวน 2 หมื่นบาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างในหายไป พร้อมกับชายคนดังกล่าว จึงตะโกนให้ลูกหลานที่อยู่ในบ้านและเพื่อนบ้านช่วยกันตามจับแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบและประกาศเตือนภัยแล้ว และอยู่ระหว่างการเข้าแจ้งความกับตำรวจ
พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.สภ.กมลาไสย เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทางตำรวจ สภ.กมลาไสย ได้รับทราบแล้ว โดยผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งเรื่องเข้ามา แต่ผู้เสียหายยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความ เบื้องต้นจากการสอบถามพบว่าคนร้ายมาคนเดียว ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดำ แต่งตัวในลักษณะเสื้อกาวน์ สะพานกระเป๋าเหมือนกับช่างมาซ่อมไฟฟ้า แต่ผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งคนร้ายได้หลอกว่าจะมาตรวจและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด เลือกหลอกเหยื่อผู้สูงอายุ ก่อนจะฉวยจังหวะเผลอขโมยทรัพย์สินหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เสียหายจะยังไม่ได้เข้าแจ้งความ แต่เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน และคนร้ายยังอาศัยก่อเหตุในช่วงสถานการณ์โรคระบาด จึงได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และแจ้งเตือนให้ทุกคนอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพ พร้อมแนะนำให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ เพื่อที่จะติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
