ละหมาดศุกร์ครั้งแรก ‘อ.สุไหงโก-ลก’ หลังงดเว้นนับ 2 เดือน ยึดมาตรการรักษายะห่าง

ละหมาดวันศุกร์ครั้งแรก ของอำเภอสุไหงโก-ลก หลังงดเว้นไปกว่า 2 เดือนจากไวรัสโควิด-19 ผู้นำศาสนาและประชาชนถือปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ที่พี่น้องชาวไทยมุสลิมงดเว้นจากการละหมาดวันศุกร์ตามประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี กระทั่งมีประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี รวมทั้งข้อสรุปของEOC จังหวัดนราธิวาสกับคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาสที่ผ่อนปรนให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามสามารถละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ภายใต้หลักเกณฑ์และมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยที่มัสยิด กือดาบารู เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ผู้นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ได้พร้อมใจร่วมละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์) โดยอาบน้ำละหมาด และนำผ้าปูละหมาดมาจากบ้าน มีการลงทะเบียน ตรวจคัดกรอง และล้างมือด้วยเจลแอกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ประมาณ 1.5 เมตร ทำให้จากเดิมจะมีประชาชนเข้ามาร่วมละหมาดได้ครั้งละ 500 คน จึงจำกัดเหลือเพียงประมาณ 250 คน แต่ทุกคนก็ได้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ด้านนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวว่า อำเภอสุไหงโก-ลกได้เปิดให้ละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์) จำนวน 31 มัสยิดจากทั้งหมด 33 มัสยิดใน 4 ตำบลของจังหวัดนราธิวาสเนื่องจากมีความพร้อมของคณะกรรมการประจำมัสยิดและสถานที่ ที่จะปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ทั้งนี้จากการลงพื้นที่มาตรวจเยี่ยมการเปิดละหมาดวันศุกร์ ที่มัสยิดกือดาบารู ต้อง ขอชื่นชมความร่วมมือของทุกคน ทั้งอิหม่ามประจำมัสยิด และผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมประกอบพิธีละหมาดเพราะได้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

ขณะที่นายสุรชัย บินการัมซอ อิหม่ามประจำมัสยิดกือดาบารู กล่าวว่า ขอขอบคุณสำนักจุฬาราชมนตรี จังหวัดนราธิวาส และนายอำเภอสุไหงโก-ลกที่เข้าใจและเห็นความสำคัญของการประกอบศาสนกิจในวันศุกร์ (ญุมอะห์) ที่มัสยิด ของผู้นับถือศาสนาอิสลาม เมื่อรู้ว่าจะได้กลับมาละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดภายใต้เงื่อนไขการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงได้ประชุมคณะกรรมการประจำมัสยิดโดยการสนับสนุนบุคลากรจากนายอำเภอและสาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลกที่เข้ามาตรวจสอบและให้คำแนะนำจนสามารถถือปฏิบัติได้ตามมาตรการที่กำหนด

ด้านนายรอฮิม ดือเระ ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่าทันทีที่ทราบว่ามีการผ่อนปรนให้ละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ที่มัสยิดได้ ตนรู้สึกดีใจมาก เพราะตนยึดมั่นกับการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด โดยเข้ามาละหมาดวันศุกร์โดยไม่เคยมีเงื่อนไขในการละเว้น แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถละหมาดที่มัสยิดได้ ทั้งนี้เข้าใจและเชื่อมั่นในสำนักจุฬาราชมนตรีซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ละหมาดที่บ้าน เพื่อเฝ้ารออย่างจดจ่อที่จะกลับมาละหมาดที่มัสยิดอีกครั้ง

ขณะที่นายอีซอ บินซาฮะ ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่า เข้าใจว่าการมาละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)ที่มัสยิด ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการป้องกันโรค ซึ่งตนยินถือถือปฏิบัติโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะเฝ้ารอที่จะได้กลับมาละหมาดที่มัสยิด ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ดีใจและมีความสุขมากเพราะได้กลับมาประกอบศาสนกิจที่มัสยิดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image