ปลากะพงมาเลเซียทะลักไทยวันละ 50 ตัน ทำปลาในพื้นที่ขายไม่ได้ ร้องเรียนถึงมาตรการควบคุมสินค้า

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม หลังมีการร้องเรียนว่ามีการลักลอบนำเข้าปลากะพงเข้ามาในพื้นที่ เพราะปลากะพงมีราคาถูกกว่าปลาที่เลี้ยงในพื้นที่ ด้านนายธนดล จันทขวัญ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์น้ำจังหวัดสตูล พร้อมด้วย เกษตรจังหวัดสตูล ประมงจังหวัด เจ้าท่าจังหวัดสตูล ตำรวจน้ำ ศรชล.จังหวัดสตูล ไปโป้ สสจ.สตูล เข้าตรวจสอบใบอนุญาต ที่ท่าเทียบเรือติม๊ะ ปุนยัง หมู่ 2 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล และที่ท่าเทียบเรือศุลกากรสตูล โดยวันนี้นั้นมีการลำเลียงปลากะพงขาวจากเรือขึ้นฝั่งจำนวนกว่า 15 ตัน เพื่อส่งขาย

นายธนดล จันทขวัญ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์น้ำจังหวัดสตูล กล่าวว่า สาเหตุของราคาปลาตกต่ำในจังหวัดสตูลเนื่องจากว่า มีการนำสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลากะพงจากมาเลเซียเข้ามาในประเทศไทยจำนวนเยอะมาก โดยเฉพาะที่ด่านสัตว์น้ำจังหวัดสตูล โดยเฉลี่ยประมาณวันละ 15 ตัน อันนี้ยังไม่รวมที่ด่านสะเดา ด่านปาดัง สรุปวันนึงประมาณ ไม่ต่ำกว่า 30 ถึง 40 ตัน สัตว์น้ำพวกนี้เวลาเข้ามาแล้วก็จะกระจายไปทั่วประเทศทำให้สัตว์น้ำที่เราเลี้ยงในพื้นที่ ชายฝั่งทะเลมีราคาต่ำมากไม่สามารถสู้กับราคาสัตว์น้ำที่มาจากประเทศมาเลเซียได้

Advertisement

สำหรับราคาปลากะพงนั้นแล้วแต่ขนาด แต่โดยเฉลี่ยแล้วปลาที่นำเข้ามาน้ำหนักประมาณ 7-8 ขีด ราคากิโลกรัมละ 80-90 บาท ถ้าเปรียบเทียบกับปลาไทยจากการสอบถามในตลาดกิโลกรัมละ 140 -150 บาท ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อปลาจากประเทศมาเลเซียเป็นส่วนใหญ่ทำให้สัตว์น้ำบ้านเราขายไม่ได้

ผู้บังคับบัญชาด้านบนหรือหน่วยงานข้างนอก มองว่ามีการลักลอบนำสัตว์น้ำเข้ามาตรงนี้จากการตรวจสอบและสอบถามผู้นำท้องถิ่นที่มีท่าเทียบเรือที่มาจากมาเลเซียได้ ทั้งตำบลตันหยงโป ตำบลเจ๊ะบิลัง เขาบอกไม่เคยเห็นสัตว์น้ำลักลอบเข้ามา บางคนเห็นว่าสัตว์น้ำเข้ามาเยอะอาจมีการลักลอบเข้ามาด้วย แต่ตรงนี้ขอยืนยันว่าไม่มีการลักลอบเข้ามาในจังหวัดสตูล

Advertisement

สำหรับการแก้ปัญหาตรงนี้ ด่านฯก็เหมือนเป็นปลายทางไม่สามารถที่จะควบคุมการนำเข้าหรือว่าควบคุมโควต้า ที่นำเข้ามาได้ ไม่มีกฎหมายที่จะรองรับการควบคุมสัตว์น้ำตรงนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะพยายามหามาตรการ เช่น ตอนนี้ก็สุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจโรค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image