คืบหน้ารุมโทรม 2 น.ร.หญิง มุกดาหาร! องค์กรสตรีร้อง ป.ป.ช.สอบ ผอ.โรงเรียน ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

คืบหน้ารุมโทรม 2 น.ร.หญิง มุกดาหาร! องค์กรสตรีร้อง ป.ป.ช.สอบ ผอ.โรงเรียน ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 มิถุนายน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนนนทบุรี 1 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว พร้อมด้วยนางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และตัวแทนเครือข่ายยุติความรุนแรงทางเพศในโรงเรียน จำนวน 10 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. มาเป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบนายราชัน อาจวิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนดงมอนวิทยาคม จ.มุกดาหาร ฐานปล่อยปละละเลย เพิกเฉยจนเกิดเหตุการณ์ครู 5 คน และศิษย์เก่า 2 คน ข่มขืนนักเรียนอายุ 14 ปี และ 15 ปี มาต่อเนื่องยาวนานนับปี ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า กรณีนี้เหตุเกิดทั้งในสถานที่ราชการและสถานที่เอกชนต่อเนื่องกันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 ถึงเดือนมีนาคม 2563 เป็นเวลานานร่วมปี เป็นเหตุให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะมีข้าราชการครูถึง 5 คน ตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากนั้นยังพบว่าคนกลุ่มนี้มีพฤติการณ์ตั้งวงมั่วสุมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบ้านพักครูเป็นประจำ จนนำไปสู่การชักชวนบุคคลภายนอกมากระทำความผิดทางอาญาเป็นลักษณะโทรมหญิงตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งในเรื่องนี้ หากผู้อำนวยการโรงเรียนมีการใส่ใจดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด คงต้องเห็นปัญหาและมีการตักเตือนกันตั้งแต่ปัญหาการตั้งวงดื่มมั่วสุมกันแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดย่ามใจ จนถึงขั้นก่อเหตุร้ายกับเด็กนักเรียนยาวนานขนาดนี้

นายชูวิทย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ป.ป.ช.ต้องสืบหาข้อเท็จจริงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของนายราชัน อาจวิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนดงมอนวิทยาคม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีหน้าที่ที่จะควบคุมดูแล ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบวินัยของทางราชการ การปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดจนเป็นเหตุให้ผู้ใต้บังคับบัญชาในการปกครองของตนล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กนักเรียนหญิง โดยไม่ยึดถือกฎหมายระเบียบคำสั่งแบบแผนธรรมเนียมของทางราชการ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเป็นการป้องปรามผู้บริหารโรงเรียน สถานศึกษาต่างๆ ไม่ให้ลอยตัวเหนือปัญหาอย่างนี้

ด้าน นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถูกวิจารณ์ไปถึงต่างประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของวงข้าราชการครู บุคลากรการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ลดทอนความเชื่อมั่น ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการของรัฐบาลและประเทศชาติ ทางเครือข่ายจึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเรียกร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้

Advertisement

1.ขอให้ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นว่า ผอ.ท่านนี้เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ นำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายและยังเป็นการป้องปรามผู้บริหารสถานศึกษาทุกระดับ ให้ใส่ใจดูแลสถานศึกษา ครู นักเรียนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่ลอยตัวเหนือปัญหา

2.ขอให้มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการไปถึงผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่ง ให้กวดขันกำกับดูแลสอดส่อง ความประพฤติของข้าราชการครูให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบวินัยข้อบังคับคำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการ

และ 3.เครือข่ายเชื่อมั่นว่าการดำเนินการในครั้งนี้ของ ป.ป.ช.จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจความสามัคคี ภาพลักษณ์ของข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการให้ดีขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ตลอดจนสร้างการยอมรับจากต่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยได้ลงนามในฐานะรัฐภาคี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2535 เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง

Advertisement

นางสาวอังคณากล่าวอีกว่า สุดท้ายนี้เครือข่ายอยากวิงวอนให้พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือคนใกล้ชิด หรือแม้กระทั่งตัวเด็กนักเรียนนักศึกษาเอง ที่พบเห็นการกระทำของครูหรือบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศ หรือเป็นผู้ถูกกระทำ ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม นำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย หรือจะประสานงานขอคำปรึกษากับทางมูลนิธิได้ ทางเราพร้อมให้คำปรึกษาช่วยหลือ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image