หนุ่มเสพยาบ้า เจอด่านถึงกับเลิ่กลั่ก ก่อนขับสวนเลนหนีตร. ไล่ล่าไกล 60 กม.
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ต.ต.ปรินทร ภู่ระย้า สวป.สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร จับกุมตัว นายพินิจ ภู่ระหงษ์ อายุ 34 ปี ชาวอ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้ารีโว้ ตอนเดียว สีบอร์นเงิน ป้ายทะเบียน ผก 6115 จ.ราชบุรี บรรทุกผักกาดขาวมาเต็มคันรถ ภายหลังจากที่ ขับรถผ่าด่านกวดขันวินัยจราจรและป้องกันอาชญากรรม ที่บริเวณจุดตรวจจราจร สภ.คลองขลุง ถนนพหลโยธิน ม.10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขอใบอนุญาตขับขี่ ขณะนายพินิจ ยื่นใบขับขี่ให้กับเจ้าหน้าที่อยู่นั้น มีพฤติกรรมไม่ยอมสบตา อาการรุกลี้รุกลน พูดจาวกไปวนมามีอาการพิรุธ มีเหตุอันควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่า มีความผิดหรือได้กระทำผิดกฎหมายมา จึงได้ขออนุญาตตรวจค้นและเชิญลงจากรถแต่ นายพินิจ ภู่ระหงษ์ ไม่ยอมลงจากรถและได้ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวหลบหนีออกไปจากจุดตรวจอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขับรถยนต์กระบะตำรวจไล่ตามในทันทีอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าไปตามถนนพลโยธินฝั่งขาล่อง ทางไป จ.นครสวรรค์ มาจนถึงบริเวณจุดกลับรถหน้าโรงสีไฟไทยเสรี (บ้านถนนงาม) ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร นายพินิจ ได้ขับรถย้อนทิศทาง(สวนซ่องทางเดินรถปกติ) ไปตามถนนฝั่งขาขึ้น ดัวยความเร็วสูงประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มุ่งหน้าไปทางบ้านโค้งวิไล-บานคลองน้ำเย็นฯ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นเขตชุมชน มีผู้ใช้รถสัญจรจำนวนมาก เมื่อถึงจุดกลับรถบ้านคลองน้ำเย็นเหนือ ต.โค้งไผ่ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร นายพินิจ ได้เลี้ยวรถกลับเข้าช่องทางเดินรถปกติ มุ่งตรงไปยัง ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ด้วยความเร็วสูง
เมื่อถึงจุดกลับรถบริเวณหน้าโรงเรียนอุทิศศึกษา ต.โค้งไผ่ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร นายพินิจ ภู่ระหงษ์ ได้ขับรถย้อนทิศทาง(สวนช่องทางเดินรถปกติ)ไปตามถนนฝั่งขาขึ้นด้วยความเร็วสูง สลับกับช่องทางปกติ จนถึงแยกไฟแดง ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ระยะทางจุดนี้กว่า 20 ก.ม.โดยระหว่างนั้น ตำรวจได้ใช้วิทยุสื่อสารประสานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขาณุวรลักษบุรี เพื่อขอกำลังเสริมโดยในระหว่างนั้น นายพินิจ ได้ขับรถด้วยความเร็วสูงและย้อนทิศทางเป็นระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร และเกือบเฉี่ยวชนกับรถของประชนชนที่สัญจรไปมาอยู่ 6 ครั้ง จนมาถึงบริเวณสี่แยกไฟแดงสลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการปิดถนบริเวณสี่แยกไฟแดง เพื่อจับกุม แต่นายพินิจ ภู่ระหงษ์ เห็นด่านก่อนจึงได้ขับรถตัดเข้าช่องทางคู่ขนานในลักษณะย้อนทิศทางเพื่อหลบหนีการจับกุม มาจนถึงจุดกลับรถหน้า หจก.ขุนเดชยนตรการ สาขาสลกบาตร ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร นายพินิจ ภู่ระหงษ์ ได้เลี้ยวรถกลับเข้าช่องทางดินรถปกติ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครสวรรค์
จนถึงจุดกลับรถบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.หจก.สลกบาตรบริการ ม.6 ถนนพหลโยธิน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ระยะทางกว่า 10 ก.ม. นายพินิจ ได้ขับรถย้อนทิศทางสวนช่องทางเดินรถปกติ)ไปตามถนฝั่งขาขึ้นด้วยความเร็วสูง จนถึงปั๊มน้ำมัน พีที บ้านหนองกระโดน ถนนพหลโยธิน ต.หนองกระโดน อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ในระหว่างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้ทำการปิดถนนบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน พีที หนองกระโดน ฝั่งขาขึ้น เพื่อจะทำการหยุดรถของนายพินิจ เมื่อนายพินิจขับรถมาถึงบริเวณที่เจ้าหน้าที่ทำการปิดถนน นายพินิจได้กลับรถแล้วขับมายังเส้นทางปกติฝั่งขาขึ้น กระทั่งมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 363-364 บ้านหนองตระคลอง หมู่ที่ 10 ต.หนองกระโดน อำเภอเมือง จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการหยุดรถของนายพินิจ ภู่ระหงษ์ ไว้ได้และเข้าจับกุมตัว รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 60 กิโลเมตร
จากการสอบสวน นายพินิจ ภู่ระหงษ์ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าตนได้เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) มาในจำนวน 2 เม็ด เมื่อใน วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ขณะมาเจอด่านที่ จุดตรวจ สภ.คลองขลุง ตนเองกำลังขับรถจาก จ.เชียงราย ไปส่งผักกาดข่าวที่ จ.ราชบุรี เลยกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจึงได้ขับรถหลบหนี จากกการ ตรวจค้นภายในตัวของนายพินิจ และภายในรถยนต์นั้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดจากการตรวจปัสสาวะ เบื้องต้น พบว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะของนายพินิจ และควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อที่ สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท หรือหน้าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และเป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
