เจ้าของร้านกุ้งเผาสุพรรณ เชื่อ ‘จารุชาติ’ ไม่รู้จัก ‘อยู่วิทยา’ มั่นใจเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ

เจ้าของร้านกุ้งเผาสุพรรณ เชื่อ ‘จารุชาติ’ ไม่รู้จัก ‘อยู่วิทยา’ มั่นใจเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายวัลลภ ใจชื้น อายุ 32 ปี เจ้าของร้านกุ้งเผาสุพรรณ ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เปิดแถลงข่าวชี้แจงสื่อมวลชนกรณีเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากสำคัญในคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ที่ขับรถยนต์เฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 และต่อมาโดยนายจารุชาติ ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับคู่กรณีที่บริเวณถนนห้วยแก้ว ใกล้สามแยกฟ้าธานี อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลา 01.40 น. ของวันที่ 30 กรกฏาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะต้องเดินทางไปให้ข้อมูลกับกรรมาธิการกฏหมาย สภาผู้แทนราษฏร ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ ว่า ตนคนที่พานายจารุชาติไปฝากให้ทำงานกับนายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก๊อง อดีต ส.ว.จังหวัดเชียงใหม่ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทย รวมทั้งยังเป็นประธานสโมสรเชียงใหม่ ยูไนเต็ด และเป็นบุคคลที่เก็บข้าวของนายจารุชาติไปไว้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในวันรุ่งขึ้นหลังนายจารุชาติเสียชีวิต

นายวัลลลภกล่าวว่า รู้จักกับนายจารุชาติครั้งแรกเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2562 ระหว่างที่ตนเองกำลังจะเดินทางไปซื้อกุ้งที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อนำกลับมาจำหน่ายที่ จ.เชียงใหม่ โดยได้พูดคุยทักทายกันตามปกติของคนขับรถ คุยกันประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นแยกย้ายกันไปทำงาน และมาพบกันอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมาที่ตลาดเมืองใหม่ ตนเองจึงชวนนายจารุชาติมานั่งกินอาหารที่ร้าน ก่อนจะรับนายจารุชาติเข้าทำงาน เพื่อทำหน้าที่ขับรถไปรับกุ้งที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งไม่ใช่งานประจำเป็นการทำงานแค่สัปดาห์ละประมาณ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ละครั้งจะให้ค่าจ้างพร้อมค่าน้ำมันเที่ยวละประมาณ 4,000-4,500 บาท ต่อมาตนได้หางานเพิ่มใหม่นายจารุชาติ โดยพาไปฝากทำงานกับ ส.ว.ก๊อง ขณะที่นายจารุชาติ จะมีที่พักอยู่ 3 แห่ง ทั้งที่บ้าน ส.ว.ก๊อง บ้านของตนเอง และบ้านของพี่ชาย ขึ้นกับช่วงเวลาในการทำงานที่หมุนเวียนไป ซึ่งล่าสุดก่อนที่นายจารุชาติจะเสียชีวิตได้พักอยู่ที่บ้านของตนเอง

“ส่วนวันที่นายจารุชาติเสียชีวิต ตนเองไม่อยู่ไปรับกุ้งที่ จ.สุพรรณบุรี กระทั่งรุ่งเช้าเดินทางกลับมาก็ทราบข่าว จึงได้ไปเก็บของนายจารุชาติ ที่บ้าน ส.ว.ก๊อง และที่บ้านของตนเอง นำไปให้นายล้านเพื่อรวบรวมส่งให้กับญาติ ที่จะเดินทางจาก จ.เชียงราย เพื่อมารับศพที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพราะไม่อยากเก็บของคนตายไว้ในบ้าน ส่วนมือถือของนายจารุชาติยืนยันว่าไม่เห็นตอนเก็บของ จึงต้องไปถามกับทางญาติเองว่าโทรศัพท์และซิมการ์ด ของนายจารุชาติอยู่ไหน โดยหลังจากนำของไปส่งให้ญาติของนายจารุชาติแล้ว ได้กลับมาทำงานตามปกติ ส่วนพ่อ-แม่ของนายจารุชาตินั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนคนที่โทรศัพท์ไปแจ้งญาติว่านายจารุชาติเสียชีวิต น่าจะเป็นนายล้าน”

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าที่นายจารุชาติจะเสียชีวิต ได้เคยบอกว่าเป็นพยานในคดีของ บอส อยู่วิทยา แต่เคยเล่าเพียงว่า บังเอิญขับรถไปในช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้นจึงต้องไปเป็นพยาน พร้อมทั้งบ่นให้ฟังว่าเสียเวลา ต้องเดินทางไปเป็นพยาน ส่วนเรื่องที่นายจารุชาติ จะได้รับค่าจ้างให้เป็นพยานหรือไม่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากหากได้รับค่าจ้างคงไม่ออกมาหางานทำเร่ร่อนเช่นนี้ ซึ่งนายจารุชาติได้พูดเรื่องนี้กับตนเองตั้งแต่เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะปรากฏชื่อนายจารุชาติ เป็นพยานตามที่สื่อนำเสนอ เชื่อว่านายจารุชาติไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับครอบครัวอยู่วิทยา และเชื่อว่าที่นายจารุชาติเสียชีวิตเป็นอุบัติเหตุ ไม่น่ามีอะไรแอบแฝง

Advertisement

“ตนเองรู้จักชื่อเสียงของตระกูลอยู่วิทยา แค่เขาคงไม่รู้จักตนเอง เพราะเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ เท่านั้น ส่วนการที่นายจารุชาติมีชื่อทำงานในบริษัท นิติชัย นายความ จำกัด อาจจะเป็นเพราะนายจารุชาติ รู้จักกับ นายเอกพล บุญสวน หรือทนายหนู ซึ่งเป็นทนายความในบริษัทดังกล่าว ซึ่งยอมรับว่าตนเองก็รู้จักกับทนายหนูด้วยเช่นกัน จึงอาจเป็นไปได้ว่านายจารุชาติอาจจะไปรับจ้างทนายหนูทำงานทั่วไป ซึ่งทราบว่านายจารุชาติเคยไปตัดหญ้าในสำนักงานให้กับทนายหนูด้วย”

นายวัลลภกล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจที่นายจารุชาติเสียชีวิต เพราะเป็นคนในแวดวงที่รู้จักกัน และก็เคยทำงานด้วยกันมาก่อน นายจารุชาติเป็นคนขยัน อัธยาศัยดี ซึ่งวันพรุ่งนี้ (2 สิงหาคม) ตนเองจะเดินทางไปร่วมงานฌาปนกิจนายจารุชาติที่ จ.เชียงรายด้วย

 

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image