‘ทนายอานนท์’ ร่วมม็อบเชียงใหม่ ชวนชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพ 16 ส.ค.

‘ทนายอานนท์’ ร่วมม็อบเชียงใหม่ ชวนชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพ 16 ส.ค. ไม่สนดิสเครดิตให้สภาทนายความเพิกถอนใบอนุญาต ตำรวจเผยดำเนินคดี4 แกนนำนักศึกษารอบ 2 พร้อมพ่วงผู้ต้องหาเป็นหญิงอีก 1 ราย เสนอสำนวนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้ว

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2563 ที่ข่วงท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) และชาวเชียงใหม่ นำโดย 4 นักศึกษา นายธนาธร วิทยเบญจางค์ นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นายวัรภัทร์ ธรรมจักร์ นายวิธญา คลังนิล แกนนำนักศึกษา ได้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ และแก้รัฐธรรมนูญ มีการตั้งเครื่องเสียงเพื่อปราศรัย เล่นดนตรี เล่นเกมส์ แจกหนังสือ ที่เขียนโดยนายอานนท์ นำภา ทนายความ และนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย พร้อมล่ารายชื่อจำนวน 50,000 ราย เพื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญ โดยแนบบัตรประชาชน มีผู้ลงชื่อจำนวนมาก โดยมีนายชำนาญจันทร์เรือง กรรมการคณะก้าวหน้า นายสมชาย ศิลปปรีชากุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มช. ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงเชียงใหม่ นายองอาจ ตันธนสิน แกนนำกลุ่มรักประชาธิปไตยเชียงใหม่ พร้อมเสื้อแดง ประชาชน และนักศึกษาเข้าร่วมกว่า2,000 คน โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง มี พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยและจราจรกว่า 30 นาย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและการข่าว ที่สังเกตการณ์กว่า 20 หน่วยงาน

ต่อมาเวลา 17.35 น. พ.ต.อ.ภูวนาถ ได้ใช้เครื่องขยายเสียงที่ติดบนรถสายตรวจ ประกาศให้เลิกการชุมนุมดังกล่าว เนื่องจากเข้าข่ายผิดพระราชกำหนด(พรก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมไล่โห่ และไม่ได้เลิกชุมนุมอย่างใด

พ.ต.อ.ภูวนาถ กล่าวว่า ตั้งแต่ชุมนุมครั้งแรก วันที่ 19 กรกฎาคม หรือ 21 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับ 4 แกนนำนักศึกษาไปแล้ว ก่อนเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม หรือ 10 วันที่ผ่านมาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับ 4 แกนนำนักศึกษา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม แต่มีผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเป็นนักศึกษาหญิง รวมเป็น 5 ราย เนื่องจากต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาสั่งการแล้ว

“กรณีนายอานนท์ มาปราศัยที่เชียงใหม่นั้น ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปให้สน.สำราญราษฎร์ ว่าผิดเงื่อนไขของศาลที่ให้ประกันตัว คดีเป็นแกนนำยุยงปลุกปั่นที่กรุงเทพ หรือไม่ เพราะท้องที่ดังกล่าวเป็นเจ้าของคดีนายอานนท์ด้วย” พ.ต.อ.ภูวนาถ กล่าว

Advertisement

กระทั่งเวลา 18.32 น. เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนมเป็นครั้งที่ 2 แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจ ตะโกนโห่ไห่อีกแต่กลุ่มผู้ชุมนุม ยังคงปราศรัยทำกิจกรรมต่อเนื่องโดยไม่เลิกชุมนุมอย่างใด

จนถึงเวลา 19.10 น. นายอานนท์ ได้ปราศัยกับผู้ชุมนุม ว่า เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก เปิดทางยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ พร้อมแก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ที่มาจากการสรรหาและแต่งตั้งไม่ใช่มาจากประชาชน ดังนั้นอยากให้ยุบสภา ส.ว. ภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ เพื่อเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งใหม่ วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อสู้ เพื่ออนาคตบ้านเมือง เพราะเราจะไม่ทนอีกต่อไป ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและปรบมือให้กำลังใจด้วย ใช้เวลาปราศัยเพียง 20 นาที ก่อนเสร็จสิ้นในเวลา 19.30 น.

นายอานนท์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาพูดคุยทำความเข้าใจกับนักศึกษาที่เชียงใหม่ ถึงการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่กรุงเทพฯ พร้อมเสนอข้อเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจให้ยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ และหยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน ซึ่้งทุกคนต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าหลายคนถูกดำเนินคดีก็ตาม ซึ่งการชุมนุมใหญ่วันที่ 16 สิงหาคมนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราชดำเนิน เชื่อว่ามีคนมาร่วมจำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะนักศึกษา แต่เป็นประชาชนทั่วไปด้วย

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามกรณีถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตี และให้สภาทนายความ เพิกถอนใบอนุญาตทนายความนั้น นายอานนท์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าฝ่ายตรงข้าม พยายามดิสเครดิต หรือความน่าเชื่อถือ แต่สภาทนายความเป็นองค์กรวิชาขีพสูง และมีความเข้มแข็ง ดังน้้นการเคลื่อนไหวของผม จึงไม่ได้ขัดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่เป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน หากมีการใช้ความรุนแรงต่อนักศึกษาและประชาชนอีก เชื่อว่าสภาทนายความ พร้อมออกมาต่อสู้ร่วมกับนักศึกษาและประชาชนต่อไป

ขณะที่เฟซบุ๊ก Pinkaew Laungaramsri ซึ่งเป็นนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความ ตั้งคำถามว่า “เวทีปราศรัยที่ท่าแพเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทราบมาว่าชั้นสามของสตาร์บัคส์ท่าแพนั้น ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้าใช้งานทั้งชั้น ไม่เปิดให้ประชาชนขึ้นไป อีกทั้งปิดไฟมืดทั้งฟลอร์ มองไม่เห็นว่าใครทำอะไรอยู่บนนั้น ชั้นดังกล่าว สามารถมองลงมาเห็นลานท่าแพทั่วทั้งบริเวณ”

“ขอถามสตาร์บัคส์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่? หากเป็นเรื่องจริง การยินยอมให้เจ้าหน้าที่ใช้ชั้นสามทั้งชั้นของร้านเป็นที่สอดส่องกลุ่มผู้ชุมนุม เท่ากับสตาร์บัคส์ยืนอยู่ข้างรัฐเผด็จการ ทำตัวเป็นแขนขาให้เจ้าหน้าที่รัฐคุกคามเสรีภาพของประชาชนใช่หรือไม่??”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image