คืบคดีโกงงบหลวง 40 ล้าน ตำรวจเร่งสรุปสำนวน คาดส่งอัยการฯสั่งฟ้องต้น ต.ค.

ตำรวจประจวบฯเร่งสรุปสำนวนคดีลูกจ้างสาวสำนักงานจังหวัดโกงงบหลวง 40 ล้าน คาดส่งอัยการฯสั่งฟ้องต้นเดือนตุลาคมนี้

จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุตรสาวของ อดีตกำนัน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯคนสนิทอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รายหนึ่ง ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว และ พบการกระทำความผิดจากการปลอมเช็คและการเบิกจ่ายรวม 165 ครั้ง ต่อมาศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ออกหมายจับเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 และไม่ให้ประกันตัวตั้งแต่การฝากขังผัดแรก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563

ความคืบหน้าล่าสุดในวันที่ 22 กันยายน พ.ต.ท. อัครวัฒน์ ไชยขวัญ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากพนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงครามมีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากครบกำหนดฝากขังครั้งละ 12 วัน จำนวน 7 ผัด รวม 84 วัน พร้อมทั้งพนักงานอัยการฯสั่งให้สอบปากคำนายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีเอกสารจำนวนมากกว่า 30 แฟ้มให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอสำหรับการส่งฟ้องต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พร้อมนำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายส่งพนักงานอัยการฯในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2563 หากพบว่ามีผู้ต้องหารายใดหลบหนีก็จะขอศาลออกหมายจับ สำหรับการติดตามเส้นทางการเงินที่ผู้ต้องหาอ้างนำไปเล่นพนันออนไลน์ เจ้าหน้าที่สืบสวนภูธรจังหวัดตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินจากการเล่นการพนันไปยังบัญชีที่เปิดไว้ที่ จ.สระแก้ว ใกล้บ่อนกาสิโนที่ปอยเปต และที่ จ.เชียงราย ใกล้บ่อนการพนันที่สามเหลี่ยมทองคำ” พ.ต.ท. อัครวัฒน์

มีรายงานว่า พนักงานอัยการ ฯได้สั่งให้สอบปากคำผู้ต้องหา พร้อมมารดาและนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชี ชำนาญการ สำนักงานจังหวัด รวมทั้งลุงของผู้ต้องหา และ สามีนอกสมรสที่ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่สำนักงานจังหวัด เนื่องจากมีข้อสงสัยกรณีผู้ต้องหาโอนเงินจากการทุจริตเข้าบัญชีลุงและสามี สำหรับการสรุปสำนวนจาก 165 คดี พนักงานอัยการได้สั่งให้ทำสำนวนแยกแต่ละคดี มีรายละเอียดตามข้อกล่าวหาให้ชัดเจน

Advertisement

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต สส.บัญชีชื่อรายชื่อ ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการติดตามคดีดังกล่าว ตั้งข้อสังเกตว่าพบว่าล่าช้าโดยคดีอาญา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา แต่คาดว่าพนักงานอัยการต้องการให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนให้ครบถ้วน ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงในระดับจังหวัด ไม่ได้ทำงานให้รวดเร็ว เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจตามนโยบายปราบโกงของรัฐบาล เนื่องจากยังไม่มีผู้บริหารในจังหวัดรายใดออกมาแถลงสรุปการสอบข้อเท็จจริงจากการทุจริต และไม่ควรอ้างว่าเป็นเรื่องลับ

“การทุจริตในสำนักงานจังหวัด ถือเป็นหน่วยงานที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่ต้องกำกับดูแลงบประมาณ เมื่อพบการโกงก็พบว่ามีการตั้งกรรมการเป็นข้าราชการในกระทรวงเดียวกันเพื่อสอบสวนและสรุปกันเอง ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะดึงผลการสอบให้ล่าช้า เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับตำแหน่งของข้าราชการบางรายในฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้าย” นายวิชิต กล่าว

Advertisement

นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา รองประธานกรรมการธรรมาภิบาล จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับหน่วยในระดับจังหวัดแจ้งว่าในเดือนตุลาคมนี้ จะครบกำหนดคืนเงินประกันสัญญาซึ่งเป็นเงินงบประมาณที่รับผิดชอบโดยงสำนักงานจังหวัด และที่ผ่านมามีการทุจริตเบิกจ่ายออกนอกระบบ จะทำให้มีผลกระทบกับผู้รับเหมาหลายรายที่ครบกำหนดเวลาได้รับเงินคืนในการวางเงินประกันสัญญามูลค่าหลายล้านบาท และทราบว่าที่ผ่านมามีการเจรจาเพื่อขอจ่ายคืนให้ผู้รับเหมารายย่อยไปก่อน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบให้จังหวัดมีการโอนเงินจากหมวดรายจ่ายอื่นให้บริษัทรับเหมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.ขนิษฐา หลังได้รับปล่อยตัวชั่วคราวจากเรือนจำกลาง จ.สมุทรสงครามเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ได้พักอาศัยอยู่กับมารดานางสายพิณ และญาติที่บ้านพักชั้นเดียว ต.คลองวาฬ โดยนางสายพิณ กล่าวว่า ขณะนี้บุตรสาวขอพักผ่อนและต้องการอยู่กับลูกสาวอายุ 3 ขวบ เพราะเชื่อว่าหลังจากนี้อีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะต้องนำตัวไปขึ้นศาล หลังจากถูกควบคุมตัวที่เรือนจำนานหลายเดือน ยืนยันว่าบุตรสาวจะไม่หลบหนี และยอมรับผิดทั้งหมด

นางสายพิณ กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่มาเชิญตัวไปดำเนินคดีก็พร้อมให้ความร่วมมือ หลังจากนี้ขอให้เป็นขั้นตอนของกฎหมาย สำหรับคดีของตนเองที่ตกเป็นผู้ต้องหา ที่ผ่านมาศาลคดีทุจริตภาค 7 สั่งคุมขัง แต่ต่อมาหลานได้ใช้หลักทรัพย์ยื่นประกันตัวชั่วคราว หากเร็วๆ นี้ศาลมีคำสั่งก็จะเดินทางไปศาลฯพร้อมกับบุตรสาว ซึ่งการดำเนินการจะต้องต่อสู้คดี ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการทุจริตจากการโอนเงินเข้าออกในบัญชีธนาคารตามที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา แต่ลูกสาวยอมรับว่าได้ทำผิดจริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image