เจ้าของบริษัททัวร์ ฉ้อโกงตั้งบริษัทขายตั๋วเครื่องบิน สูญเงินรวมกันนับล้านบาท
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ สภ.เมืองกระบี่ นางสาวลฎาภา กิจสุวรรณ อายุ 37 ปี บ้านอยู่ กทม.พร้อมด้วยแฟนหนุ่มเป็นนายตำรวจ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุนทร คำภาพันธ์ สว.สอบสวน สภ.เมืองกระบี่ โดยมี พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณะวิมล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ร่วมในการสอบปากคำผู้เสียหาย หลังจากนางสาวลฎาภาได้ร้องว่าถูกชายคนหนึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าของบริษัทนำเที่ยวหลอกชักชวนลงทุนและให้หาผู้ร่วมลงทุน แต่ไม่มีการคืนเงินผลตอบแทนกลับมา ซึ่งเมื่อสอบถามไป ก็ไม่ยอมรับและท้าให้ไปฟ้องร้องเอาเอง พร้อมนำหลักฐานการโอนเงินในช่วงที่ผ่านมาใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
โดยนางสาวลฎาภากล่าวว่า ตนเองได้เดินทางมาเที่ยวที่ จ.กระบี่ จนมาพบกับนายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัททัวร์นำเที่ยว ได้พาไปเที่ยวกินอาหารตามสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมกับเพื่อนๆ ของตนเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และเข้ามาตีสนิทและยังแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของกิจการอีกหลายอย่าง โดยให้ตนร่วมลงทุนขายตั๋วเครื่องบิน ซึ่งตนก็ร่วมลงทุนไปด้วยพร้อมชักชวนเพื่อนอีก 5 คน ร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวน 1 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งทางนายเออ้างว่าจะคืนผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 8 ต่อเดือน โดยเดือนแรกได้ผลตอบแทนตามที่ตกลง แต่ผ่านมาร่วม 2 เดือนหลัง กลับไม่มีผลตอบแทนใดๆ เมื่อสอบถามก็บ่ายเบี่ยง และยังท้าให้ไปฟ้องร้องเอาเอง จึงเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงฉ้อโกงตนแน่นอนแล้ว จึงปรึกษากับแฟนหนุมก่อนเดินทางมา จ.กระบี่ เข้าแจ้งความในวันนี้ ส่วนเพื่อนของตนอีก 4 คน ซึ่งได้โอนเงินเข้าบัญชีของนายเอด้วย ก็ได้เข้าแจ้งความในท้องที่ ที่ไปโอนเงินแล้ว
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรงค์ กล่าวว่า กรณีนี้เบื้องต้นเข้าข่ายฉ้อโกง เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายราย ที่ร่วมในการลงทุน และจากการตรวจสอบประวัติของผู้ถูกกล่าวหารายนี้ พบว่าเคยมีหมายจับในภาคเหนือคดีฉ้อโกงแต่ได้มีการถอนหมายจับหลังจากได้มีการจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะออกหมายเรียกเพื่อมาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
ส่วนลักษณะเหตุที่เกิดขึ้นนี้ ปัจจุบันพบว่ามีอยู่จำนวนมาก ในการที่มีการฉ้อโกงกันหลอกให้ร่วมลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ให้ลงเงินแล้วบอกว่าจะคืนให้ในอัตราสูง จึงต้องขอให้ประชาชนระมัดระวัง เพราะการที่ร่วมลงทุนไปแล้ว ผลตอบแทนสูงนั้นขอให้มองไว้ก่อนเลยว่า เป็นไปไม่ได้และฉ้อโกงหลอกลวงแล้วแน่นอน