ครูชลธี เครียด หลังศาลยกฟ้องคดีหย่า ‘ครูปุ้ม’ ส่งทนายแจง เดินหน้าอุทธรณ์ต่อ

ครูชลธี เครียด หลังศาลยกฟ้องคดีหย่า ‘ครูปุ้ม’ ส่งทนายแจง เดินหน้าอุทธรณ์ต่อ

กรณีครูเพลงชื่อดัง นายสมนึก ทองมา “ชลธี ธารทอง” วัย 83 ปี ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง นักแต่งเพลงลูกทุ่ง ปี 2542 เจ้าของฉายาครูเพลงเทวดา ได้ฟ้องหย่า นางศศิวิมล ทองมา หรือ ครูปุ้ม อดีตภรรยา วัย 51 ปี หลังจดทะเบียนสมรสกันในปี 38 อยู่กินกันมากว่า 30 ปี แต่ไม่มีบุตร ซึ่งได้มีการฟ้องหย่ากันมานานตั้งแต่ปี 57 แล้ว สาเหตุเพราะทนความหึงหวงของอดีตภรรยาไม่ไหว มีการทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย รวมถึงข่าวความสัมพันธ์กับ น.ส.สกุลนัฐธิดา แจ้งประสงค์ วัย 29 ปี ลูกศิษย์สาวคนสนิท

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว ได้นัดทั้ง 2 ฝ่ายฟังคำพิพากษา โดย นายสมนึก ทองมา หรือครูชลธี ธารทอง ได้เดินทางไปที่ศาลพร้อมกับทนายความ และสาวคนสนิท เพื่อรับฟังคำพิพากษาจากศาล โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

ศาลได้มีการยกการฟ้องหย่า กับ นางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม ซึ่งการเดินทางไปศาลในครั้งนี้ ครูปุ้ม ไม่ได้เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากติดการประชุม โดยส่งให้ทางทนายความเป็นตัวแทนเข้ารับฟังแทน และหลังจากศาลได้ยกการยกฟ้องการหย่าแล้ว ทางฝ่าย ครูชลธี พร้อมคณะได้เดินทางลงทางด้านหลังของศาล และออกจากศาลไปทันที โดยไม่พบกับสื่อมวลชนที่ไปรออยู่ด้านหน้าศาล ไม่ยอมพบกับสื่อที่ปักหลักรอทำข่าวกันที่ด้านหน้าศาล ต่อมา นางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม เสร็จจากการประชุมได้เดินทางมายังศาล ได้พบกับ นายธีระพงษ์ ปีตวัฒนกุล ทนายความส่วนตัวของ ครูปุ้ม โดย นายธีระพงษ์ ทนายความ กล่าวว่า ศาลเมตตาบรรยายการยกฟ้องอย่างละเอียดทุกข้อแต่ละข้อ พร้อมที่มาที่ไปชัดเจนมาก หลังจากนี้ต้องรอดูว่าทางฝ่ายโจทก์จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ขณะที่ นางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม ได้กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลที่ได้ให้ความเมตตาตัดสินในความเป็นจริงและถูกต้อง รู้สึกดีใจที่ความถูกต้องยังคงอยู่ และอยากจะฝากสังคมว่า การทำอะไรก็แล้วแต่ หากเราทำดีอยู่บนความถูกต้องแล้ว ก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้ และฝากไปถึง ครูชลธี ว่าครอบครัวพร้อมลูกทั้ง 2 คน ยังรอครูอยู่ ครูปุ้ม รู้ดีว่า ครูชลธี เหนื่อย ครูชลธี ถูกบีบคั้นหลายอย่าง สังคมเมตตาครูด้วย ครูชล อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่โอเค ครูปุ้ม รู้ดี ถึงอย่างไรเรา 3 คน ลูกทั้ง 2 ยังรอครูอยู่ พร้อมฝาก ครูชล ด้วยว่าเดือนมกราคม วันที่ 6 ลูกชายคนโตจะต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดใหญ่ต้องใช้เงินเป็นแสนบาท อยากให้ครูโทรหาลูกด้วย ตนเองได้ดูแลอยู่และฝากทุกๆ ฝ่ายที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้ ครูปุ้มจะยืนเคียงข้างความถูกต้อง ครูปุ้มไม่เคยคิดร้ายใดๆ แต่จะยืนอยู่บนความถูกต้องเท่านั้นต้องขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา วันนี้ครูปุ้มมีความสุขที่สุด

Advertisement

และ ครูปุ้ม ยังกล่าวต่อว่า ครูชลธี เป็นโจทก์ก็ยังสามารถที่จะอุทธรณ์ ไปจนถึงการฎีกา หากครูชล ยังคิดว่าอยากจะได้ใบหย่า แต่ครูปุ้มยังยืนยันว่าจะไม่หย่าเด็ดขาด เพื่อรักษาสมบัติ รวมถึงชีวิตของคุณครู เพื่อรักษาไว้ให้แผ่นดินนี้ และที่ครูปุ้มพูดอย่างนี้คนไทยทั้งแผ่นดินคงทราบว่า ครูปุ้มหมายถึงอะไร ครูปุ้มพูดถึงบางคนมองว่าทำไมเขาไม่รักแล้ว ครูปุ้มยังดื้ออีก เหตุผลเดียวคือ ครูปุ้มต้องการรักษาสมบัติ รวมถึงรักษาชีวิตครูชล ครูเป็นบุคคลเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของชาติ ส่วนในเดือนมกราคม 2564 ยังมีคดีคำพิพากษา จากที่ ครูปุ้ม ฟ้องบุคคลที่ 3 ที่ทำให้ครอบครัว ครูปุ้ม ต้องเป็นแบบนี้ ทำให้ครูชลธี ต้องเกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล

Advertisement

สำหรับด้าน ครูชลธี ธารทอง ไม่ได้พูดใดๆ และได้ให้ทางด้าน นายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ทนายความเป็นผู้ชี้แจง โดยทางทนาย กล่าวว่า ที่ศาลได้ยกฟ้องท่านได้มีดุลพินิจ เราไม่สามารถก้าวล่วงได้ แล้วได้มีการปรึกษากับ ครูชลธี แล้วว่าจะใช้สิทธิอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน ส่วนความรู้สึกของครูชลธี ท่านก็นิ่งๆ จริงๆ แล้ว ครูชลธี มีเจตนาที่จะหย่าขาดกับครูปุ้ม แต่เมื่อศาลดูเจตนาไม่ถึงขั้นฟ้องหย่า ครูชลธี ก็เคารพในคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะทนายความศาลได้วินิจฉัยไว้ว่า ในข้อหาที่หมิ่นประมาทโจทก์นั้น

ศาลได้วินิจฉัยว่าคดีที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สภ.เมืองลพบุรี นั้นยังไม่สิ้นสุด หากคดีนั้นสิ้นสุดแล้วก็สามารถนำมาเป็นการฟ้องหย่าได้ แล้วหากเรานำสืบว่ามีการทำร้ายร่างกาย ศาลวินิจฉัยว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีพยานบุคคลตรงนั้น ตรงนี้ก็จะใช้สิทธิอุทธรณ์ ทางทนายความก็ได้นำหลักฐานใบรับรองจากทางแพทย์ รวมถึงพยานบุคคลที่ทางโจทก์ ได้ให้ปากคำว่าที่อยู่โรงพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวโจทก์ แล้วก็ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ทางโจทก์ ได้ไปดำเนินคดีกับทางบริษัท รวมถึงนักร้องดังอีก ทางศาลมองว่าทางจำเลยไม่มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกับโจทก์ จึงไม่เป็นที่มาของการฟ้องหย่า จึงเป็นเหตุให้ทางโจทก์จะต้องมีการอุทธรณ์ต่อไป เพราะการทำตัวเป็นปฏิปักษ์ในข้อกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ รวมถึงการหมิ่นประมาทกับบุพการี จึงเป็นที่มาของการอุทธรณ์ได้ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image