“นายกฯทต.จอหอ” แจงผู้สูงอายุ 13 รายถูกเรียกเงินคืน แต่ 4 รายไม่ยอมชำระ ต้องฟ้องศาล ป้องผิด ม.157

“นายกฯทต.จอหอ” แจงผู้สูงอายุ 13 รายถูกเรียกเงินคืน แต่ 4 รายไม่ยอมชำระ ต้องฟ้องศาล ป้องผิด ม.157

จากกรณีที่มีครอบครัวของผู้สูงอายุหลายราย ในพื้นที่ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าได้รับหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลัง เป็นเงินจำนวนมาก บางรายถูกเรียกเงินคืนเป็นระยะเวลานานนับปี รวมเป็นเงิน 70,000-80,000 บาท จนไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ และถูกทางเทศบาลตำบลจอหอ ส่งเรื่องฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น

ล่าสุด วันนี้ (26 มกราคม 2564) นายมฤคินทร์ เขียนจอหอ ลูกชายของนางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี ชาว ต.จอหอ หนึ่งในผู้ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า แม่ของตนเองได้รับเงินบำนาญพิเศษจากกรณีที่พ่อของตนเอง คือร้อยตำรวจตรีสัมพันธ์ ผะดาวัลย์ เสียชีวิตจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม เมื่อปี 2515 ต่อมาช่วงเดือนเมษายน 2552 ขณะนั้นแม่ของตนเองมีอายุเข้าเกณฑ์ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับหนังสือแจ้งจากทางเทศบาลตำบลจอหอ ให้เข้าไปเซ็นหนังสือรับเงินผู้สูงอายุ แต่แม่ป่วยไปรับไม่ได้ จึงมอบอำนาจให้หน้าไปเซ็นรับแทน โดยเจ้าหน้าที่ของเทศบาลฯ ไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าใครที่ได้รับเงินบำนาญอย่างอื่นแล้ว ไม่มีสิทธิ์รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ จึงไม่มีใครทราบ หลังจากนั้นก็ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุเรื่อยมา จนกระทั่งปลายปี 2563 ได้มีหนังสือจากเทศบาลตำบลจอหอ ขอเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน เป็นจำนวนเงิน 76,400 บาท และรวมดอกเบี้ยเป็นยอดจำนวน 77,737 บาท โดยขอเรียกเก็บเงินคืน 3 เดือนแรก ในอัตราเดือนละ 18,000 บาท จากนั้นเดือนที่ 4 เรียกเก็บเงินในอัตราเดือนละ 1,100 บาท ซึ่งตนได้เจราจรขอผ่อนจ่ายเงินก้อนที่ต้องจ่ายคืน 3 เดือนแรก เพราะเป็นอัตราที่สูงเกินไป ครอบครัวของตนจ่ายคืนไม่ไหว แต่ทางเทศบาลไม่ยอม และได้ส่งเรื่องไปฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา ซึ่งล่าสุดศาลแขวงนครราชสีมา ได้มีหมายเรียกให้แม่ของตนเอง ในฐานะจำเลย ไปพบศาลเพื่อไกล่เกลี่ยในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ โดยตนยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของแม่ เพราะคนแก่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นความบกพร่องของทางราชการเอง ที่ไม่ได้มีการชี้แจงให้ทราบตั้งแต่แรก คนแก่เมื่อเขาเรียกให้ไปรับเงินก็รับมาเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นตนเองและแม่จึงขอไปต่อสู้ที่ชั้นศาล เพื่อขอไกล่เกลี่ยให้ได้รับความเป็นธรรมแก่ครอบครัวต่อไป

ด้านนายเสรี ไชยกิตติ นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2562 ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งมาว่า ในพื้นที่ ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา มีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสมบัติได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่ทั้งหมด จำนวน 13 ราย เนื่องจากได้รับเงินบำนาญตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ต่อมาทางเทศบาลตำบลจอหอ ก็ได้ทำหนังสือไปเชิญทั้ง 13 รายมาสอบถามก็ได้รับการยืนยันว่า ทุกคนได้รับเงินบำนาญจริง ทางเทศบาลฯ จึงได้ส่งเรื่องไปให้กรมบัญชีกลางทราบ กระทั่งปลายปี 2563 ทางกรมบัญชีกลางก็มีหนังสือให้ทางเทศบาลเรียกเก็บเงินเบี้ยยังชีพคืน ซึ่งก็มีผู้สูงอายุจำนวน 9 รายที่ยอมคืนเบี้ยยังชีพ โดยบางรายที่มียอดเงินน้อยไม่กี่หมื่นบาท ก็ขอคืนทั้งหมดในคราวเดียว ขณะที่บางรายที่มียอดเงินหลายหมื่นบาทถึง 1 แสนกว่าบาท ก็พร้อมที่จะผ่อนชำระตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนอีก 4 ราย แสดงความประสงค์ไม่คืนเงิน ทางเทศบาลฯ จึงมีความจำเป็นต้องส่งเรื่องฟ้องต่อศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อให้พิจารณาดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป ทั้งนี้ตนเองขอยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใดๆ แม้ในความเป็นจริงก็ไม่ได้อยากฟ้อง แต่หากไม่ฟ้องก็จะโดนข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image