‘ตร.เชียงใหม่’ เรียก 37 ผู้ต้องหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินรายงานตัว ‘พิชิต’ แกนนำ นปช.ถูกสอบรายแรก ‘นิธิ’ ร่วมให้กำลังใจผู้ต้องหาด้วย

‘ตร.เชียงใหม่’ เรียก 37 ผู้ต้องหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินรายงานตัว ‘พิชิต’ แกนนำ นปช.ถูกสอบรายแรก ‘นิธิ’ ร่วมให้กำลังใจผู้ต้องหาด้วย

37 ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รายงานตัว-รับทราบข้อกล่าวหาที่โรงพักกองเมืองเชียงใหม่ “พิชิต” แกนนำ นปช.ถูกสอบปากคำเป็นรายแรก ผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธขอสู้คดีถึงที่สุด ชี้รัฐใช้กฎหมายเล่นงานฝ่ายตรงข้าม หลังดองคดีกว่า 7 เดือน ผกก.เผยให้รับข้อกล่าวหา ไม่ถูกควบคุม-ไม่ประกันตัว สอบ
ปากคำ-พิมพ์ลายนิ้วมือ-ทำทะเบียนประวัติเสร็จ กลับบ้านได้ทันที ‘นิธิ-อรรถจักร์-สมชาย-ปิ่นแก้ว-ชำนาญ’แห่ให้กำลังใจ พร้อมช่วยเหลือคดีเต็มที่

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ นายสุมิตรชัย หัตถสาร พร้อมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนกว่า 10 คน ได้นำนักศึกษา ประชาชน จำนวน 37 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีการชุมนุมแฟลชม็อบ “เชียงใหม่จะไม่ทน” ที่ข่วงท่าแพ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ฐานฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกันทำให้เกิดความปั่นป่วนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมชุมนุมมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ในจำนวนผู้ต้องหาคดีดังกล่าว อาทิ นายหาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ (ด.ต.พิชิต ตามูล) แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงเชียงใหม่, นายวัชรภัทร ธรรมจักร, นายธนาธร วิทยเบญจางค์, นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์, นายวิธญา คลังนิล แกนนำ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) โดยแบ่งกลุ่มผู้ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนชุดละ 9-10 คน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยเรียบร้อยและรวดเร็ว ทั้งนี้ นายหาญศักดิ์ถูกเรียกตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำคดีดังกล่าวเป็นรายแรก ตามด้วยผู้ต้องหาอื่นตามลำดับ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดีจนถึงที่สุด

ระหว่างการรับทราบข้อกล่าวหา ทาง พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มาอำนวยการคดีดังกล่าว พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เป็นผู้บังคับบัญชาเหตุการณ์ พร้อมนำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อยและจราจรกว่า 50 นาย พร้อมนำแผงกั้นไว้ด้านหน้าโรงพักเพื่อคัดกรองโควิด ตรวจวัดไข้ใช้เจลล้างมือ ตั้งเต็นท์จุดพักรอ และรายงานตัวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวตามลำดับ มีนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักคิด-นักเขียนประวัติศาสตร์, นายอรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ นางปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มช. นายชำนาญ จันทร์เรือง ผู้บริหารคณะก้าวหน้า ได้มาพูดคุยและทักทายกับผู้ถูกดำเนินคดีดังกล่าวเพื่อให้กำลังใจ และสนับสนุนการต่อสู้คดีดังกล่าวด้วย

ADVERTISMENT

ระหว่างการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ได้มีการแสดงศิลปะร่างกาย หรือเพอร์ฟอร์แมนซ์ สวมหน้ากากสีไวโอลิน และตีกระป๋องด้านหน้าโรงพัก เพื่อสะท้อนการไม่ได้รับความยุติธรรมจากคดีดังกล่าว และสื่อไปยังรัฐบาลให้ยุติการดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือน 3 ครั้ง ห้ามนำสีหรือแป้ง เข้ามาขีดเขียนบนพื้นในโรงพัก หรือที่สาธารณะ อาจเข้าข่ายความผิดทำลายทรัพย์สินทางราชการ หลังการแสดงจบได้มีทีมงานผู้แสดงได้ใช้แปรงขัดและล้างพื้นเพื่อทำความสะอาดทันที โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ซึ่งการรายงานตัวของกลุ่มผู้ต้องหามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและการข่าวมาสังเกตการณ์และเก็บข้อมูลกว่า 20 หน่วยงาน เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ

นายวัชรภัทร 1 ใน 37 ผู้ต้องหาที่มารายงานตัว กล่าวว่า คดีดังกล่าวมาตามหมายเรียกพนักงานสอบสวน ถ้าเป็นเพลงคงบอกว่าเจ็บแล้วชินไปเอง ส่วนตัวเคารพกฎหมาย แต่เป็นแบบอารยะขัดขืน ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา มีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและไอลอว์มาช่วยเหลือผู้ถูกดำเนินคดี 37 ราย ซึ่งยืนยันขอต่อสู้คดีดังกล่าวจนถึงที่สุด ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองยังมีอยู่เรื่อยๆ จนกว่าได้รับชัยชนะ ต้องใช้เวลาเพราะขับเคลื่อนอนาคตประเทศในระยะยาว

นายสมชายกล่าวว่า การดำเนินคดีดังกล่าวน่าจะมีปัญหาในเชิงกระบวนการเจ้าหน้าที่รัฐ โดยใช้กฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรมจัดการกับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามที่รณรงค์ หรือคัดค้านรัฐบาล เชื่อว่าเป็นกระบวนการใช้กฎหมายเล่นงานคนที่เห็นต่างกับอำนาจรัฐชัดเจน ซึ่งผู้ต้องหาได้มารายงานตัวแล้ว พร้อมต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม หลักกฎหมาย และสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ อาจารย์และนักวิชาการพร้อมสนับสนุน และช่วยเหลือคดีดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการใช้อำนาจรัฐและกฎหมายที่ไม่ปกติ เพราะออกหมายเรียกหลังคดีดังกล่าวเกิดขึ้นกรกฎาคมปีแล้ว หรือล่วงเลยมากว่า 7 เดือนแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ภูวนาถเผยว่า ได้เรียกผู้ต้องหาคดีดังกล่าวมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรายงานตัว และรับทราบข้อกล่าวหาคดีชุมนุมในที่สาธารณะ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันที่ 29 กรกฎาคม และวันที่ 17 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว รวม 40 ราย ซึ่งตั้งจุดคัดกรองโควิด จุดพักคอย จุดลงทะเบียนผู้ถูกกล่าวหา ก่อนพบพนักงานสอบสวนที่จัดเตรียมไว้ 30 นาย เพื่อสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือ ทำทะเบียนประวัติ ตามลำดับ โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบเท่านั้น ไม่มีการควบคุมตัว หรือใช้หลักทรัพย์ประกันตัวอย่างใด หลังสอบปากคำแล้วผู้ถูกกล่าวหาสามารถเดินทางกลับได้ทันทีหากไม่มีเหตุก่อความวุ่นวาย เชื่อว่าสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี