‘ดร.พ่อบุญธรรม’ นักแสดงหนุ่ม โต้ข่าวหวังเลี้ยงต้อย ยันไม่เคยคิด พร้อมแจงทุกกรณี

“ดร.พ่อบุญธรรม” นักแสดงหนุ่ม โต้ข่าวหวังเลี้ยงต้อย ยันไม่เคยคิด พร้อมแจงทุกกรณี

ความคืบหน้า กรณี ดร.ณัฐพงศ์ หรือพัทธนันท์ พุดหล้า อาจารย์ประจำหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของ “ทาเคชิ” หรือชื่อเดิม นายชนะศักดิ์พงศ์ พุดหล้า ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น นายชนะศักดิ์ สุทธะพินทุ ดารานักแสดงและพิธีกรชื่อดังทางช่อง 7 สี เรื่อง สารวัตรแม่ลูกอ่อน และพิธีกรรายการ “ตรอกข่าวสาร” ทางทีวีพูล ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวความขัดแย้งภายในครอบครัว จนถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกบุญธรรมระหว่างกัน รวมถึงการเซ็นหย่าร้างกับภรรยา โดยยังมีภาระหนี้สินที่ถูกทิ้งไว้ให้ ดร.ณัฐพงศ์ พ่อบุญธรรมต้องแบกรับเพียงลำพัง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (15 มิถุนายน 2564) ดร.ณัฐพงศ์ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้งหลังจาก “ทาเคชิ ชนะศักดิ์” ได้ออกมาอัดคลิปโต้พ่อบุญธรรม ลงในไอจีและเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ไม่ได้อยากออกมาพูดตอบโต้ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ของครอบครัว การออกมาพูดอะไรแย่ๆ ถ้าขุดลึกลงไปมากกว่านี้ คนที่เจ็บที่สุดคือป๊า เพราะป๊ารู้ดีที่สุดว่าเรื่องจริงทั้งหมดมันคืออะไร หนังมันคนละม้วน สุดท้ายไม่เคยลืมบุญคุณที่ส่งเสียเล่าเรียนให้มีชีวิตมาถึงทุกวัน ยังระลึกถึงเสมอ” นั้น ในเรื่องนี้ ดร.ณัฐพงศ์กล่าวว่า “ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไปทั้งหมด ซึ่งได้พูดผ่านสื่อไปแล้ว ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่อยากให้พ่อโดนขุด มันจะเป็นหนังคนละม้วน ในเรื่องนี้ตนคิดว่าความจริงก็คือความจริง เพราะตนมีเหตุผลและหลักฐานเตรียมไว้ชี้แจงทุกกรณีอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนคิดในแง่ลบว่า ตนคิดอะไรไม่ดีกับลูกบุญธรรมหรือไม่ ในเรื่องนี้ต้องขอบอกว่า ไม่เคยมีความคิดอย่างนี้อยู่ในหัวเลยสักนิด เพราะด้วยบุคลิกของตนที่ดูเป็นคนเรียบๆ ไม่โผงผาง ค่อนข้างเจ้าระเบียบ และไลฟ์สไตล์เป็นรักครอบครัว จึงมีบางครั้งที่อาจทำให้ใครๆ เข้าใจผิดกันได้ เพราะค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องการวางตัว เรื่องการใช้ชีวิต และเข้มเรื่องกฎระเบียบเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ตั้งแต่เริ่มแรก ส่วนการแสดงออกในครอบครัวด้วยการโอบกอดกันอย่างที่เห็นในรูปถ่าย ตนไม่ได้คิดอะไรเกินเลย เพราะตนมักจะแสดงความรักความเป็นห่วงด้วยการโอบกอดพ่อแม่ พี่น้อง หรือแม้แต่ลูกเมียเป็นปกติอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ตนไปจู้จี้เรื่องการคบสาวๆ หรือแม้แต่เหตุผลที่ทำให้ตนต้องหย่าร้างกับภรรยาอีกหลายเรื่องที่ตนยังไม่อยากเอ่ยถึง แต่ขอยืนยันได้เลยว่าไม่เคยมีความคิดและไม่มีเจตนาที่จะเลี้ยงต้อย หรือคิดเกินเลยเชิงชู้สาวกับลูกบุญธรรมคนนี้เลยตั้งแต่แรก ถ้าไม่เช่นนั้นเราก็คงไม่ต้องทุ่มเทดึงเค้าขึ้นมาจากโคลนตม มาปรับเปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อให้เค้าดูดีในสังคมอย่างนี้

ตนจึงอยากให้สังคมรับรู้เหมือนกันว่า ถ้าเราคิดไม่ดีหวังเลี้ยงต้อยเค้าตั้งแต่แรก เราก็คงไม่ต้องดูแลทุ่มเทในฐานะเป็นบุตรคนหนึ่ง ส่วนกรณีที่สังคมตั้งคำถามและมองว่าเราประสงค์เรื่องเพศหรือเรื่องเซ็กซ์นั้น ตนไม่สามารถชี้แจงหรือตอบโต้ทุกคำถามได้หมด แต่ข้อสรุปที่ตนตั้งใจชี้แจงให้ทราบก็คือ ตนและอดีตภรรยาตั้งใจจะเลี้ยงเค้าในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ซึ่งหากตนตั้งใจจะมีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ตนก็มีช่องทางอื่นๆ ที่ง่ายๆ ให้เลือกมากกว่า และไม่ต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้ ตนจึงไม่อยากให้สังคมมองแค่ฝ่ายเดียว อยากให้มองเจตนาที่หวังดีของตนด้วย ถ้าจะรับเพื่อนำมาเลี้ยงไว้กินเอง คงไม่ต้องลงทุนมากมายขนาดนี้ไหม? ถ้าอยากกินแบบนี้ เราว่าเด็กนิสิตนักศึกษาชายหน้าตาดี น่ารัก หล่อเหลา ขาวๆ หนุ่มๆ ในมหาวิทยาลัยเยอะมากพร้อมใช้งานมีให้เลือกเอาได้เลยไม่จำเป็นต้องหยิบจากโคลนตมขึ้นมาชุบเลี้ยงหรอก

Advertisement

สำหรับกรณีที่ภรรยาขอหย่าแยกย้ายกันนั้น ตนคิดว่าเขาคงไม่คิดที่จะอยู่กับเราแล้ว ไม่ชอบเราเพราะพ่อแก่ (ผัวแก่) คงอยากได้คนใหม่ดูแล พอมาคิดอีกทีถึงว่า พอเราจะย้ายไปกรุงเทพฯ กลับมีปัญหา โดยเพื่อนๆ และคนที่รู้จักตนเคยบอกว่า เขาอยู่กับผัวแก่มานานกว่าใครๆ ถึง 16 ปี คงเบื่อไม่อยากมีอะไรด้วยแล้ว ส่วนผัวเก่าคนที่ 1-2 คนก่อนๆ เขาอยู่ด้วยกันได้นานอย่างมากก็แค่ 2 ปีเอง และการที่ตนออกมาพบสื่อ ไม่ได้ต้องการมาแก้ตัวเพราะยังคงเสียดาย เสียใจ หรือคิดจะมาขอคืนดีกับแม่ลูกแต่อย่างไร เพราะถึงเวลานี้แล้วความสัมพันธ์แบบครอบครัวมันหมดไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้สึกว่าอยากจะอยู่ต่อร่วมกันทำไม แต่อยากขอให้แม่ลูกเปรียบเสมือนว่า เป็นคนอื่นที่ยืมเงินของตนไป เวลานี้ตนมาตามขอทวงคืน เพื่อนำเงินกลับไปใช้หนี้สินเท่านั้น ไม่ได้มีประเด็นอื่นที่ต้องการแล้ว ในเมื่อไม่ได้อยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว มันต้องเคลียร์ทุกรายละเอียดเพื่อจะมีชีวิตรอดสำหรับการเดินไปข้างหน้าได้ต่อไป

“และสำหรับเกรียนคีย์บอร์ด เมื่อไม่ทราบข้อมูลจริงทั้งหมด ขอแจงรายละเอียดให้สังคมออนไลน์ได้รู้จักคำว่า “ความตระหนักคิด” ถ้าเป็นคุณเองหรือคนในครอบครัวของคุณมาเจอเรื่องราวแบบนี้ ก่อนจะเขียนด่าว่าใครและก่อนที่จะกดโพสต์ ต้องรู้จักคิดกรองข้อมูลที่พิมพ์ไว้ก่อน ไม่ใช่ทำแค่สนุกปากตามน้ำ น่าจะใช้ความคิดของตัวเองก่อน อยากเตือนนักเลงคีย์บอร์ดว่า ถ้ามันคุกคามเข้าไปถึงพื้นที่ส่วนตัวมากไป ใช้คำที่มันไม่ดี ก็ต้องดำเนินการทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” ดร.ณัฐพงศ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image