อึ้ง สาวโดนหนุ่มในเฟซบุ๊ก หลอกไปข่มขืน พอแจ้งความ ตร.กลับบอกให้หนี เอาชีวิตรอดก่อน

อึ้ง สาวโดนหนุ่มในเฟซบุ๊ก หลอกไปข่มขืน พอแจ้งความ ตร.กลับบอกให้หนี เอาชีวิตรอดก่อน

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากสาววัย 32 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ทำงานอยู่จังหวัดระยอง แล้วถูกหนุ่มชาว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใช้โปรไฟล์เฟชบุ๊กหลอก แจ้งความแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี ชาว อ.ประโคนชัย น้าของสาวที่ถูกหลอก เล่าว่า ตอนนี้หลานอยู่ระหว่างการกักตัวที่ศูนย์กักกันแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม หลานสาวโทรศัพท์มาที่บ้าน บอกว่า “หนูถูกหลอก” ตอนนี้อยู่จังหวัดศรีสะเกษ ทางครอบครัวงง เพราะหลานทำงานอยู่จังหวัดระยอง จึงประสานหลายช่องทาง ต่อมาหลานแจ้งว่าได้เหมารถกลับบ้านแล้ว

เมื่อมาถึงหลานสาวเล่าให้ฟัง รู้สึกตกใจ หลานถูกหลอกจากจังหวัดระยอง ไปถูกกักขังที่ศรีสะเกษตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม กว่าจะหลบหนีออกมาได้ในวันที่ 14 สิงหาคม เมื่อไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เบญจลักษ์ ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

Advertisement

“พอตำรวจรู้ตัวคนร้ายว่าเป็นใคร ก็ถึงกับช็อก เพราะตำรวจได้รีบออกมาบอกหลานขณะนั่งรอตำรวจว่า ให้รีบกลับบ้าน ไม่ต้องห่วงทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น ให้เอาชีวิตรอดไว้ก่อน ไอ้นี่คดีมันเยอะ มีหลายคดี และพยายามให้หลานรีบกลับบุรีรัมย์เป็นการด่วน ทั้งที่โรงพักเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด”

น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ตนรู้จักกับผู้ชายคนนี้ทางเฟชบุ๊กชื่อ “อสูร กาย” เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วพูดคุยกันมาเรื่อยๆ ฝ่ายชายมีลักษณะเหมือนมาจีบ และอยากมาแต่งงานด้วย ตนก็คล้อยตามเพราะตนไม่มีแฟน ประกอบกับรูปในโปรไฟล์ เป็นผู้ชายหน้าตาดี สุดท้ายได้คุยกับเขาว่าจะกลับไปหาแม่ในวันแม่ 12 สิงหาคม ที่ อ.ประโคนชัย ฝ่ายชายได้รบเร้า ขอให้นั่งรถตู้โดยสารไปลงที่ศรีสะเกษก่อน ตอนแรกชั่งใจอยู่ แต่ถูกฝ่ายชายตื๊อให้มาให้ได้ โดยอ้างว่าให้มารับ แล้วเราจะไปหาแม่ด้วยกัน ไปขอแต่ง และช่วยกันทำมาหากิน ตนจึงตอบตกลง

“เดินทางจากระยองวันที่ 11 สิงหาคม มาถึง อ.เบญจลักษ์ เวลาประมาณ 20.00 น. ฝ่ายชายนัดให้ไปรอที่หน้าร้านสะดวกซื้อในตัวอำเภอ เมื่อถึงเวลานัดหมาย เขาบอกว่าใส่เสื้อสีดำ แต่เมื่อเห็นหน้า กลับไม่ใช่ภาพชายในโปรไฟล์ จึงตอบปฏิเสธว่าจะกลับบ้าน เพราะคุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่า หากภาพไม่ตรงปก ทุกอย่างจบกัน แต่ตนถูกบังคับให้ซ้อนรถจักรยานยนต์ไปด้วย ถ้าไม่ไปจะทำร้าย และสัญญาว่าตอนเช้าจะส่งกลับบ้าน จึงจำเป็นต้องไปด้วย

Advertisement

“ชายคนดังกล่าว ได้พาไปที่บ้านของเขา มีลูกชายและแม่เขาอยู่ด้วย แต่แม่กับลูกชายเขา อยู่กระท่อมหลังบ้าน ตลอดเวลาที่อยู่บนบ้าน รู้สึกไม่ดีอยากจะหนีออกมาให้ได้ แต่ถูกเอาปืนจี้ไว้ สุดท้ายถูกข่มขืนในตอนตี 3 รุ่งเช้า อสม.บ้านหนองไผ่แคน ต.หนองฮาง อ.เบญจลักษ์ เห็นเป็นคนแปลกหน้า ให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์กักกัน ตนดีใจที่จะได้อยู่ที่ศูนย์กักกัน หลังจากตรวจเสร็จ อสม.กลับพาตนไปกักตัวไว้ที่บ้านหลังเดิม จนมาถูกข่มขืนอีกครั้ง พอมีโอกาสในวันที่ 14 สิงหาคม ตอนเช้ามืด ได้หนีออกมาร้องขอความช่วยเหลือที่บ้าน อบต.ในหมู่บ้าน”

“ก่อนจะเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เบญจลักษ์ ตนได้แจ้งกับตำรวจไปว่า ถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกาย และอยากจะได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์ 2 เครื่อง เงินสด 4,400 บาท พร้อมเอกสารในกระเป๋าเงินคืน แต่หลังจากตำรวจทราบตัวผู้ต้องหา ตำรวจกลับพยายามให้ตนรีบกลับบ้านที่บุรีรัมย์ในทันที บอกว่าไม่ต้องมาห่วงทรัพย์สิน ให้เอาชีวิตตัวเองรอดไว้ก่อน จากนั้นภรรยาตำรวจได้นำเงินมาให้ 500 บาท เพื่อเป็นค่ารถเดินทางกลับบ้าน พร้อมขับรถมาส่งที่ท่ารถ”

จากนั้น จึงมาต่อรถมาที่ท่ารถ จ.อุบลราชธานี แต่ไม่มีรถโดยสารประจำทาง จึงเหมารถแท็กซี่จากสถานีขนส่ง มา อ.ประโคนชัย เป็นเงิน 2,500 บาท โดยยืมโทรศัพท์คนขับรถ โทรให้ญาติเตรียมเงินไว้จ่ายค่าแท็กซี่ ต่อมาได้มาลงบันทึกไว้ที่ ร.ต.ท.จิรายุ ตางจงราช รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ โดยตำรวจได้ให้ไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลประโคนชัย ไว้เป็นหลักฐาน ส่วนการดำเนินคดีจะต้องไปแจ้งที่ สภ.เบญจลักษ์ ท้องที่ที่เกิดเหตุ จึงอยากจะวิงวอนให้ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ช่วยดำเนินการเรื่องคดีให้ตนโดยเร็วที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image