บริษัทรังนกฯ แฉมีลูกนกถูกทำลาย 1 ล้านตัวเสียหายกว่า 5 พันล้าน ผวจ.พัทลุงยันทำดีที่สุดแล้ว

บริษัทรังนกฯ แฉมีลูกนกถูกทำลาย 1 ล้านตัวเสียหายกว่า 5 พันล้าน ผวจ.พัทลุงยันทำดีที่สุดแล้ว

วันที่ 15 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า จากกรณีที่บริษัทสยามเนสท์ จำกัด ได้ทำสัญญาการสัมปทานรังนก เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 64 มูลค่า 400 ล้านบาท ในหมู่เกาะสี่ เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง แต่หลังจากที่ทางบริษัทและคณะทำงานจัดเก็บรังนกของจังหวัดได้เข้าไปจัดเก็บรังนกตามถ้ำต่างๆ ในระหว่างวันที่ 9-14 ก.ย. 64 พบว่ารังนกถูกขโมย ประชากรนกถูกทำลายอย่างย่อยยับ มีการจุดไฟไล่นกซึ่งเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุด ฯลฯ จนถูกนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ออกมาเรียกร้องให้ มท.1 แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการรังนกฯ ซึ่งในที่ประชุมรายงานให้ทราบว่าคดีลักรังนก 2 คดี และคดีล่อซื้อรังนก 1 คดี กำลังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนเงินอากรรังนก 80 ล้านบาทนั้น จะจ่ายเป็นค่าบริหารจัดการ 4 ล้านบาท / จ่ายให้ อบต.เกาะหมาก 30,400,000 บาท จ่ายให้ อบจ.พัทลุง ร้อยละ 30 เป็นเงิน 13,680,000 บาท และจ่ายให้ท้องถิ่นทั้ง 72 แห่ง แห่งละ 433,333 บาท ส่วนที่เหลือเพียงไม่มากมอบให้กับ อบจ.พัทลุง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในช่วงเฝ้ารังนกจำนวน 88 วันนั้น เป็นเงินกว่า 5,080,000 บาท ค่าวัสดุ/อุปกรณ์ประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งจะได้นำวัสดุดังกล่าวมาจัดจำหน่ายตามระเบียบพัสดุปี พ.ศ.2560 ต่อไป ในด้านของการจ่ายเงิน 80 ล้านบาทนั้นจะเริ่มจ่ายให้ท้องถิ่นต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

นายกู้เกียรติเผยว่า ในส่วนของรายละเอียดในเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำรังนกตนยังไม่ทราบเรื่องเพราะยังไม่ได้รับรายงานจากทางบริษัทเป็นทางการ แต่ก็ทราบในเบื้องต้นว่ารังนกถูกขโมยจริง และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่มีคนเฝ้ารังนกอยู่แต่กำลังดังกล่าวไม่สามารถเข้าไปในเกาะรังนกได้ โดยเฝ้าระวังอยู่ตอกย้ำ นอกเกาะเท่านั้น ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นทางจังหวัดกับบริษัทจะหารือกันต่อไป

Advertisement

ส่วนในกรณีนายนริศได้เรียกร้องให้ มท.1 แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ตนยังไม่ทราบ และไม่ทราบว่านายนริศจะคิดเรื่องนี้อย่างไร จะไปแจ้งเรื่องดังกล่าวกับใครบ้าง แต่ตนมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงต่อ มท.1 และทุกฝ่ายได้ เรื่องเฝ้ารังนกไม่มีการปิดบัง หมกเม็ด โดยจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าร่วมประชุมด้วยทุกครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องยอมรับในความบกพร่อง ผิดพลาด และจะร่วมกับบริษัทแก้ปัญหากันต่อไป ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้นไม่สามารถพูดคุย เผยรายละเอียดกับบุคคลภายนอกได้ ต้องพูดคุยกับบริษัทเท่านั้น ส่วนการพบของกลางของคนร้ายต่างๆ ภายในถ้ำตนก็ยังไม่ทราบเช่นกัน และหากพบความผิดของ จนท.รัฐ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

ทางด้าน จนท.บริษัทที่รับผิดชอบในการจัดเก็บรังนกตามถ้ำต่างๆ เผยว่า จากการจัดเก็บรังนกตามถ้ำต่างๆ ในวันที่ 14 ก.ย.64 ที่ผ่านมานั้น พบว่ารังนกถูกขโมยไปเกือบทุกถ้ำ และยังพบอุปกรณ์ขโมยรังนกในถ้ำแดงในเกาะเทวดา อาทิ ไฟฉายแบบคลุมศีรษะ ตาจอบ กางเกง 2 ตัว นอกจากนั้นยังพบเสื้อของ อส.อยู่ที่หน้าถ้ำรอก เกาะรอกอีกด้วย ส่วนรังนกในครั้งที่ 3 เก็บได้เพียงรังนกขาว 7.12 กก. รังนกดำ 51.38 กก. เท่านั้น ในส่วนของการจุดไฟในถ้ำต่างๆ นั้น มั่นใจว่าจะทำให้ลูกนกหายไปนับล้านตัว โดยเป็นการตัดวงจรชีวิตนกไป 1 ปี ซึ่งนก 1 ตัว ภายใน 7 ปี สามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ดังนั้น การที่ลูกนกตายไป 1 ล้านกว่าตัวนั้นเป็นการสร้างความเสียหายให้กับจังหวัดพัทลุงทั้งระบบไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. และเป็นคณะยกร่าง พ.ร.บ.รังนกฯปี 2540 เผยว่า สิ่งเลวร้ายครั้งประวัติศาสตร์บนเกาะรังนกของจังหวัดพัทลุงนั้นมาจากสาเหตุ อาทิ จนท.ไม่เข้มงวดต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนยังไม่ตื่นตัวต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาล และมีความอ่อนแอของภาคประชาชนและภาครัฐ เกือบทุกฝ่ายต่างรอคอยรับผลประโยชน์จากรังนก แต่ไม่เคยร่วมด้วยช่วยกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรรังนก ตนเห็นว่านายกู้เกียรติ ผวจ.พัทลุง จะต้องออกมาชี้แจงต่อประชาชนว่าเรื่องที่ผิดพลาด บกพร่อง ดังกล่าวว่าเกิดจากสิ่งใด สาเหตุมาจากอะไร การที่นิ่งเฉยอยู่ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะเรื่องดังกล่าวนี้อาจจะบานปลายได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image