‘ทูตอินโดนีเซีย’ หารือ ‘หอการค้ามหาชัย’ หวังนำเจาะตลาดส่งออกวัตถุดิบอาหารทะเล
วันที่ 16 ก.ย. ที่ สนง.หอการค้า จ.สมุทรสาคร นายระห์หมัต บูดีมัน เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และนักธุรกิจส่งออกอาหาร ได้เดินเข้ามาเยี่ยมเยือนเพื่อหารือแนวการค้าด้านอาหารทะเลระหว่างประเทศ โดยมี นายชาธิป ตั้งกุลไพศาล ประธานสภาหอการค้าสมุทรสาคร และตัวแทนบริษัท ไทยรอแยลฟรอเซนฟู๊ด จำกัด ต.ท่าจีน นำโดยนางอำไพ หาญไกรวิไลย์ ที่ปรึกษาอาวุโสหอการค้าจังหวัดและประธานกลุ่มนักธุรกิจ YEC ร่วมให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าข้ามประเทศ ในภาคประมงและอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่อง ด้านส่งออกสินค้าวัตถุดิบอาหารทะเลมาไทย และหารือแนวทางแลกเปลี่ยนสินค้าอาหาร และอื่นๆ โดยมีบริษัทเอกชนของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าอาหารทะเลรายใหญ่ มาแนะนำตัวหวังทำการค้าในไทยต่อไป
นายชาธิป ตั้งกุลไพศาล ประธานหอการค้าจังหวัดฯกล่าวว่า การหารือดังกล่าวนี้นายระห์หมัต บูดีมัน เอกอัครราชทูตอินโดฯ ระบุว่าส่วนหนึ่งเพื่อความต้องการเปิดช่องทางเพื่อหวังจะนำเข้าสินค้าอาหารทะเลสู่การจำหน่าย และผ่านทางคณะหอการค้าจังหวัด หรือภาคเอกชนในพื้นที่สมุทรสาคร นอกจากนั้นเป็นการกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าดังกล่าวในระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆ ทั้งนี้ซึ่งอาจจะนำไปสู่ระดับรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอินโดนีเซียก็เป็นได้และจากภาคเอกชนกับภาคเอกชนของทั้งสองต่อไป
ประธานหอการค้าสมุทรสาคร เผยว่า ถือเป็นเรื่องดีส่วนหนึ่งที่อาจได้ร่วมแนวทางการค้าหรือร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมเอกชนในจังหวัด กับภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเลของเอกชน อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีเสนอประเด็นไปยังเอกอัครราชทูตถึงเรื่องปัญหากฏและระเบียบที่เข้าจัดด้านการทำประมงในอินโดนีเซีย ที่ทำให้เรือประมงชาวสมุทรสาคร ที่ผ่านมาต้องปัญหาหรือเช่นไม่สามารถข้ามเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียได้ ที่ติดปัญหาเรื่องของข้อจำกัดและการบังคับคนไทย อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้เค้ายังหวังจะส่งออกกุ้งสดจากประเทศอินโดนีเซีย เข้ามาขายในประเทศไทยด้วยทั้งนี้แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้
“ส่วนการหารือถึงความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมและอื่นๆ นั้นโดยทางสภาหอการค้าจังหวัดก็ได้มีประเด็นเสนอไปเรื่องของการนำเข้าแรงงานเข้ามาด้วยว่าหากเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งต้องไปหารือในระดับรัฐบาลที่ต้องการให้แรงงานอินโดนีเซียที่ถูก กม.เพื่อสามารถมาทำงานในประเทศได้ในอนาคต”
