นายกสมาคมประมงปัตตานีวอนรัฐบาล เร่งช่วยเหลืออุตสาหกรรมประมงที่กระทบอย่างสาหัส
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม สถานการณ์อุตสาหกรรมชาวประมงทั่วประเทศยังคงประสบปัญหาอย่างสาหัสจากปัญหาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ของสหภาพยุโรปแลกกับการยกเลิกแบนสินค้าประมงไทย ได้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานถึง 5 ปี สมาคมประมงได้เข้ายื่นหนังสือถึงรัฐบาลต่อนายกรัฐมนตรีนับเป็นสิบๆ ครั้ง ทั้งมีการประท้วงบ่อยครั้ง
ล่าสุด พยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือเร่งด่วน และเสนอแนวทางลดผลกระทบจากชาวประมงหลายรายที่ต้องเลิกกิจการให้สามารถพยุงตัวต่อไปได้
นางอันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ นายกสมาคมประมงจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า สถานการณ์ ปัญหาของเศรษฐกิจการประมง ตั้งแต่กฎหมายไอยูยูเข้ามาบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ทำให้สถานการณ์ประมงซบเซามาหลายปีแล้ว มาถึงปี 2564 นี้ทุกอย่างเงียบลงอย่างมาก ต้องบอกว่าอาชีพที่ต่อเนื่องกับการทำประมงมีไม่น้อยกว่า 7 กลุ่มอาชีพ ตั้งแต่คนคัดปลา คนเรือ ตลาด แรงงาน อื่นๆ จึงทำให้บางรายต้องออกไปหาอาชีพอื่นๆ เพื่อเอาตัวรอดก่อน ทำให้ขาดแคลนแรงงาน เศรษฐกิจการประมงจึงรายได้ลดลง ซึ่งในจังหวัดปัตตานีที่ขึ้นกับการประมงเป็นหลักจึงเงียบเหงาตามไปด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลก็พยายามช่วยเหลือเยียวยา ช่วยรับซื้อนอกระบบบ้าง เพียงแต่ปริมาณการซื้อขายยังไม่เพียงพอกับจำนวนของชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดทั่วประเทศ และสำหรับในปัตตานีเองนั้นเดือดร้อนมากแล้ว ได้ทำเรื่องร้องเรียนขอไป หลังจากประสบปัญหาอย่างหนักจนผู้ประกอบการบางรายแทบจะอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนอาชีพ ได้ขอให้ทางรัฐบาลช่วยรับซื้อเรือประมงไป โดยคณะพัฒนาท้องถิ่นชายแดนภาคใต้ (คพต.) ได้มีความเห็นแล้วว่าจะช่วยรับซื้อ จำนวน 224 ล้านบาท ต้องดูว่ามติจะผ่านในวันที่ 28 นี้ เราคาดหวังว่าจะมีผู้ใหญ่ของรัฐบาลช่วยเหลือเราเพื่อได้ประทังชีวิตกันต่อไป ซึ่งเรือเป็นทรัพย์สินที่พอจะนำเป็นต้นทุนไปประกอบอาชีพอื่นได้ เอาไปหมุนเวียนทำทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ปัจจุบันนี้ถ้าถามว่าการประมงลดลงแค่ไหนอย่างไร คือสำหรับจังหวัดปัตตานี จากที่เรือประมงมีจำนวนกว่า 1,100 ลำ ขณะนี้เรามีเรือพาณิชย์ที่เดินเรือแจ้งเรือผ่านด่านเข้า-ออกอยู่ที่ 300 กว่าลำเท่านั้น ก็ลดลงถึง 70% เลยทีเดียว ซึ่งที่เหลือที่กำลังทำงานอยู่ 30% นี้กำลังรออยู่ว่าจะมีแรงงานมาเพิ่มเติมเข้ามาอีกหรือไม่ ถ้าเพิ่มอีกสัก 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ ก็จะดีกว่านี้ แต่ถ้ายังอยู่สภาพนี้แนวโน้มการประกอบอาชีพประมงอาจจะลดลงไปอีกจนเหลือ 20% ก็ได้ ถ้ามีการรับซื้อจากรัฐบาลจริงก็จะมีทุนมาใช้หรือซ่อมแซมเรือบางส่วนที่นำกลับมาใช้ได้ ที่ยังขาด เอามาหมุนเวียนได้
สำหรับตัวเลขรายได้ที่ขาดหายไป 26,000 กว่าล้านต่อปี มาจากอาชีพที่เกี่ยวข้องกันเป็นทอดๆ ไป ตั้งแต่ไต้ก๋งเรือ คนเรือแรงงาน ภาคอื่นๆ ด้วย เราเป็นภาคอุตสาหกรรมเกษตรประมง ต้นน้ำ ก็ทำให้กระทบต่อๆ กันกับผู้เกี่ยวข้องทั้งพ่อค้าแม่ค้า โรงงาน และอื่นๆ รายได้หายกันไปหมด
ต่อเรื่อง พ.ร.ก.58 และแก้ไขเพิ่มเติมปี’60 ที่อยากให้ทางรัฐบาลเร่งแก้ไขด่วน ได้ร่างหนังสือเพิ่มเติมขึ้นไป เป็นความเห็นชาวอุตสาหกรรมประมงทั้งประเทศ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ในการแก้ไข อยากให้ผ่าน ครม.ไปได้ คือแก้ไขเร่งด่วนใน 4 มาตรา ซึ่งในนี้เป็นความผิดที่เล็กน้อย ไม่ได้ออกนอกประเทศ ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงมาก หากเปรียบเทียบกับค่าปรับ การลงโทษหนัก ซึ่งอาจทำให้สิ้นอาชีพ หรือล่มจมไปเลยทีเดียว ที่ขอให้แก้ไข ได้แก่ มาตรา 39, 81, 114, และมาตรา 169
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ระหว่างนี้ไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนไหน เห็นว่ายังเงียบอยู่ อยากให้เร่งพิจารณา
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือเรื่องแรงงาน เพราะว่าเราอยู่จังหวัดชายแดนล่างสุด แรงงานจึงขาดแคลนตลอด ค่อนข้างหายาก
จึงอยากให้รัฐช่วยเปิดโอกาสให้รับแรงงานต่างด้าวประเทศอื่นอีกด้วยนอกจาก 3 ชาติ พม่า, ลาว, เขมรแล้ว ได้เวียดนาม หรือบังกลาเทศ และทำเอกสารประกอบการทำทะเบียนแรงงานครบทุกอย่าง เปิดความสะดวกในการรับแรงงานด้วย เพราะการรับแรงงานประมงนี้เป็นเรื่องเฉพาะทาง อยากให้เปิดเป็น 3 ช่วงเพื่อให้ทันกับการดำเนินการที่ต้องใช้เวลา หากไม่ทันจะได้เลื่อนรอบต่อไปให้ทัน ไม่รวมปัญหาอื่นอีก เช่น แรงงานคนไทยฝีมือลดลงเพราะเรือน้อยงานน้อย ย้ายถิ่น ไปทำงานที่อื่น เพราะอาชีพนี้รัฐบาลไม่สนับสนุน บางคนหันไปทำเรือเล็กเพราะเบื่อกฎหมาย สถานการณ์ยิ่งทำให้ทะเลชายฝั่งเต็มไปด้วยเรือ และขยายพื้นที่ออกไปจนเกิดการกระทบกระทั่งกับเรือพาณิชย์ที่รัฐบาลกำหนดกรอบมากมาย เรื่องนี้ราชการ รัฐบาลไม่เคยกล้าพูดถึง สงสารทั้งเรือเล็ก เรือกลาง เรือใหญ่ เพราะการจัดการของภาครัฐไม่ได้จัดการบูรณาการอย่างมีส่วนร่วม นี่แหละปัญหาจึงแก้ไม่ได้จนถึงวันนี้ และยังผูกปมไปเรื่อยๆ จากประมงไทยที่เป็นผู้นำด้านประมงโลกบัดนี้กลับกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว น่าเศร้าจริงๆ
อีกเรื่องถ้าเป็นไปได้อาจให้พื้นที่ทำกิน สามารถเข้าไปทำงาน รองรับ มีงานอย่างอื่นให้เขาได้ทำได้
เรื่องที่ฝากกับท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ลงมาพบกับสมาคมชาวประมงเมื่อสัปดาหที่ผ่านมานี้ เราได้ฝากเรื่องให้แก้ไขเร่งด่วน ได้ประชุมคุยกัน 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องรับซื้อเรือล็อตแรก 101 ลำ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ ศอ.บต.เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีติดขัดตรงไหนไม่สะดวก มีปัญหา ส่วนต่อมาคือในเรื่องการแก้กฎหมายก็ขอให้ท่านได้ให้ ส.ส.ในพรรคช่วยกันผลักดันกฎหมายให้ผ่านไปโดยเร็วยิ่งขึ้น และเรื่องสุดท้ายคือขอที่ดินทำกิน
ในการแก้กฎหมายบางอย่างเราอยากให้ดูแลในบทลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด เราคาดหวังเป็นอย่างมากต่อการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ เนื่องด้วยอุตสาหกรรมการประมงเป็นองค์กรที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เป็นรายได้หลักภาคหนึ่งด้วย ถือเป็นภาคเดียวกับการเกษตรด้วย และเป็นอาชีพที่รับความเสี่ยงด้วยตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่เคยขอการประกันรายได้ ไม่ได้ขอที่มากเกินไป ไม่ทำผิดกฎหมาย เราพร้อมที่จะทำตามกฎหมายตามที่องค์กรประมงดูแลกันอยู่แล้ว จึงขอให้เร่งแก้ไขปัญหาทั้งหมดอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พวกเราชาวอุตสาหกรรมประมงได้อยู่รอดกันต่อไป
สมาคมการประมงปัตตานีหวังเพียงว่าวันนี้จะมีผู้นำที่เข้ามาแก้ไขปัญหาด้านอาชีพอุตสาหกรรมประมงให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ คนมากมายกล้าที่จะเปลี่ยน เพื่อเปลี่ยนแปลงให้อาชีพประมงกลับมามีศักดิ์มีศรีดั่งเช่นแต่ก่อน