เชียงใหม่ ประกาศ ‘ร้านมีนามีข้าว- 9 ร้านค้าในห้างดัง’ เป็นพื้นที่เสี่ยง เร่งตรวจหาเชื้อด่วน

เชียงใหม่ ประกาศ ‘ร้านมีนามีข้าว- 9 ร้านค้าในห้างดัง’ เป็นพื้นที่เสี่ยง เร่งตรวจหาเชื้อด่วน

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยสถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 193 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพียง 9 ราย ที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด โดยมาจากคลัสเตอร์ต่างๆ ประกอบด้วย คลัสเตอร์ใหม่และคลัสเตอร์ที่มีการระบาดต่อเนื่อง 15 ราย

ได้แก่ คลัสเตอร์หอพักใกล้วัดท่ากระดาษ หมู่ 1 ตำบลฟ้าฮ่าม 6 ราย, คลัสเตอร์เซ็นทรัลแอร์พอร์ต 3 ราย ซึ่งในขณะนี้มีการพบผู้ติดเชื้อกระจายไปยังหลายร้านค้า, คลัสเตอร์บริษัทอิจิสเทคจำกัด ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง 1 ราย เป็นการระบาดในแรงงานต่างด้าว, คลัสเตอร์แคมป์งานก่อสร้างบ้านเหล่า ตำบลป่าไหน่ อำเภอพร้าว 1 ราย และคลัสเตอร์ไซต์งานก่อสร้างพรมพิพัฒน์ หมู่ 3 ตำบลสันผีเสื้อ 1 ราย นอกนั้นเป็นคลัสเตอร์เล็กๆ

ด้านการตรวจพบจากกลุ่มเสี่ยงระหว่างการกักตัว การออกตรวจเชิงรุก และการติดตามผู้สัมผัสคลัสเตอร์เดิม พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 18 ราย ได้แก่ คลัสเตอร์บริษัทนิ่มซี่เส็ง สาขาฟ้าฮ่าม 8 ราย, คลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่ 3 ราย, คลัสเตอร์ตลาดประตูก้อม 1 ราย, คลัสเตอร์ รปภ. และแม่บ้าน แลนด์แอนเฮาส์ สันทราย 1 ราย, คลัสเตอร์ร้านมีนา มีข้าว หมู่ 2 ตำบลสันกลาง 1 ราย และคลัสเตอร์อื่นๆ อีกหลายคลัสเตอร์ ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังและดำเนินการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเพิ่มขึ้น

Advertisement

ส่วนคลัสเตอร์กลุ่มครอบครัว วันนี้พบเพิ่ม 7 ราย จาก 3 ครอบครัว โดยพบมากที่หมู่ 10 ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 4 ราย, ครอบครัว ถนนสันนาลุง ตำบลวัดเกต เทศบาลนครเชียงใหม่ 2 ราย และครอบครัว หมู่ 5 ตำบลสันผีเสื้อ 1 ราย

ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปหรือสัมผัสกับพนักงานใน 2 สถานที่เสี่ยง ประกอบด้วย ร้านมีนา มีข้าว หมู่ 2 ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง ระหว่างวันที่ 17-24 พฤศจิกายน 2564 และร้านค้าจำนวน 9 ร้าน ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า ได้แก่ ร้าน NY Clinic เชียงใหม่, ร้าน IBIS (ขายเสื้อผ้า), ร้านยูเซอรีน ช็อป, ร้านทรูช้อป, MK Restaurants, Bar-B-Q Plaza, เรียวตะชาบู, โออิชิราเม็ง และ istudio 7 ระหว่างวันที่ 17-25 พฤศจิกายน 2564 ขอให้สังเกตอาการ 14 วัน และหากมีอาการ สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง หรือศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ

Advertisement

สำหรับผู้เสียชีวิต 2 รายวันนี้ รายแรก เป็นชายไทย อายุ 63 ปี มีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ เป็นการสัมผัสในครอบครัว และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน โดยวันที่ 14 พฤศจิกายน เริ่มมีอาการไข้ ไอ หายใจเหนื่อย วันที่ 15 พฤศจิกายน ตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด รักษาที่โรงพยาบาลราชเวช วันที่ 16 พฤศจิกายน มีอาการมากขึ้น ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 22 พฤศจิกายน ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 23.15 น.

และรายที่สอง เป็นหญิงไทย อายุ 70 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ เป็นการสัมผัสในครอบครัว ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 AstraZeneca ครบ 2 เข็มแล้วเมื่อ 2 กันยายน 2564 โดยวันที่ 11 พฤศจิกายน เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ถ่ายเหลว วันที่ 13 พฤศจิกายน ตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด รับไว้รักษาที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค วันที่ 23 พฤศจิกายน มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลสันทราย วันที่ 24 พฤศจิกายน ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลงในเวลา 10.37 น.

ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าร้อยละ 75 ของผู้เสียชีวิต เป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสคนในครอบครัว และเพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน แม้จะไม่ได้เดินทางไปที่ใด จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง ทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 และลดการป่วยหนัก การเสียชีวิต ส่วนการฉีดวัคซีนของจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้พบว่า มียอดการฉีดวัคซีนแล้ว 1,387,706 คน คิดเป็น 80.24 % โดยจังหวัดเชียงใหม่มีเป้าหมายให้ประชาชนทั้ง 25 อำเภอได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image