ความคืบหน้ากรณีอาสาสมัครกู้ภัยร่วมกตัญญูหล่มสัก ได้โฟสเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อ “เซียนโฟน” ได้ช่วยเหลือนางบรรทึก ศรีสว่าง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 6 ต.สักหลง อ.หล่มสัก จงเพชรบูรณ์ รับศพนายประกาศิต พันโยสี อายุ 32 ปี ลูกชายคนเดียวซึ่งเสียชีวิตโดยโรคเชื้อราในสมองออกจากโรงพยาบาลหล่มสัก และนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดไตรภูมิ หมู่ที่ 4 ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดยนางบรรทึกควักเงิน 500 บาทตอบแทนให้ แต่อาสาสมัครกู้ภัยรายนี้ไม่เพียงตอบปฎิเสธแต่ยังหลืบไปเห็นในกระเป๋าของนางบรรทึกมีเงินติดกระเป๋าแค่เพียง 620 บาท จึงเกิดความสงสารจากนั้นนำภาพและข้อมูลของคุณยายและลูกชายที่วายชนม์รายนี้เผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้มีผู้ใจบุญซึ่งเกิดความสงสารจากนั้นได้ร่วมบริจาคเงินร่วมทำบุญกับนางบรรทึก
นอกจากนี้ชาวบ้านหลังทราบข่าวต่างพากันมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพนายปประกาศิต ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดไตรภูมิ โดยคืนนี้เป็นคืนที่ 2 ซึ่งปรากฎว่ามีชาวบ้านที่ทราบข่าวและเกิดความสงสารนางบรรทึก จึงพากันมาร่วมงานศพนายประกิตลูกชายคนเดียวของนางบรรทึกกันจนเต็มศาลาภายในวัด ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านร่วมบริจาคเงินทำบุญกันอีกด้วย และในวันพรุ่งนี้(8 ต.ค.) เวลา 15.00 น.ก็จะมีการฌาปณกิจศพประกาศิต พันโยสี
นายณัฐติกรณ์ เพิ่มรักษ์ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสัก เจ้าของเฟสบุ๊คเซียนโฟนกล่าวว่า ตอนที่เห็นคุณยายแล้วเกิดความสงสารญาติพี่น้องก็แทบไม่มี หลังเสร็จสิ้นภารกิจยายควักกระเป๋าหยิบเงิน 500 บาทมาให้ พวกผมปฎิเสธไปเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ซึ่งเราได้สาบานตนไว้ก่อนรับบัตรอาสาสมัคร แต่ทั้งนี้ก็ยังหลืบไปเห็นในกระเป๋ายายมีเงินแค่ 620 บาทจึงเกิดสงสาร โดยวันนี้พวกเราก็มาช่วยงานศพซึ่งก็มีชาวบ้านที่ทราบข่าวและสงสารคุณยายเช่นเดียวกัน ต่างพากันมาร่วมงานศพลูกชายคุณยายกันจนเต็มศาลา
“หลังผมนำแพร่ภาพและข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลเพื่อบอกบุญช่วยคุณยาย ก็มีผู้ใจบุญหลายท่านที่เมตตาและโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารคุณยายเพื่อมาร่วมทำบุญด้วย เท่าที่ทราบก็มีคุณแม่ของคุณพลอย เฌอมาลย์และคุณปุ๋ม-ปนัดดา เรืองวุฒิ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายท่านคงต้องขอแสดงขอบคุณแทนคุณยายไว้ด้วย ยอมรับว่าปลื้มใจมากที่ได้ช่วยคุณยายและซาบซึ้งน้ำใจคนไทยไม่เคยทิ้งกัน”นายณัฐติกรณ์กล่าว
หนุ่มอาสาสมัครกู้ภัยรายนี้ยังกล่าวชี้แจงด้วยว่า วันแรกที่นำศพมาและต้องนิมนต์พระทำพิธีกันนอกศาลา เพราะก่อนหน้านี้เกิดน้ำท่วมทำให้ศาลายังเปื้อนโคลนอยู่ และทางชาวบ้านนัดจะล้างทำความสะอาดแต่ยังไม่ได้ทำอะไร พวกผมก็นำศพคุณยายมาตั้งบำเพ็ญกุศลกันก่อน พวกผมจึงขอสนับสนุนรถน้ำทางอบต.และช่วยกันทำความสะอาด จนวันนี้สามารถนำศพกลับมาตั้งภายในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทางอบต.และหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดก็ให้ความเมตตาสงสารคุณยาย โดยอำนายความสะดวกการจัดงานศพให้พร้อม
