โดนแล้ว! รวบหนุ่มเช็ดกระจก รับฉุน ไม่ให้เช็ดก็ไม่บอก ตร.สั่งปรับ 1,000 บาท
จากกรณี นายณัฐพล ปิยะนันทกุล อายุ 38 ปี นักแสดงอิสระ และเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงาม โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า “เตือนภัย!!! เด็กเช็ดกระจกแยกแคราย นนทบุรี วันนี้ 30/03/22 เวลา 12.30 น. จอดรถติดไฟแดงมุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ด มีเด็กเช็ดกระจกเข้ามาเช็ดพยายามโบกมือแล้ว แต่ก็ยังยืนเช็ดจนเสร็จ พร้อมเดินมาขอเก็บค่าเช็ดกระจก ระหว่างกำลังหยิบให้ เด็กเช็ดกระจกได้เอาสิ่งสกปรกป้ายที่กระจก จึงได้เปิดประตูเรียกให้กลับมาเช็ด เด็กเช็ดกระจกถามว่าอยากตายเหรอ?
พร้อมพยายามทำท่าหยิบอาวุธจากเอวด้านหลัง จึงรีบขึ้นรถล็อกรถ โทรแจ้ง 191 ระหว่างรอเด็กเช็ดกระจกได้ขี่มอเตอร์ไซค์มากวักมือท้าทายให้ขับตามไป ตัดสินใจไปแจ้งเหตุที่ป้อมตำรวจ เจ้าหน้าที่ประสานติดตามตัวต่อไป อยากเขียนเตือนภัยแก่ผู้สัญจรแยกแคราย นนทบุรี ให้ระมัดระวัง…เด็กเช็ดกระจก บังคับเช็ดกระจก ไม่จ่ายถูกแกล้ง ไม่ยอมอาจถูกแทงได้ครับ” ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บริเวณสี่แยกแคราย ถนนติวานนท์ ทางไป อ.ปากเกร็ด จุดเกิดเหตุพบว่ามีผู้ใช้รถสัญจรผ่านบริเวณสี่แยกเป็นจำนวนมาก
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พร้อมกำลังชุดสืบสวนได้เชิญตัว นายอนุชิต บรรทึก อายุ 29 ปี จ.ปทุมธานี ขณะกำลังเดินขายพวงมาลัยและเช็ดกระจกบริเวณแยกแคราย ที่เกิดเหตุ มาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอนุชิตให้การรับสารภาพว่าเป็นชายคนเดียวกับในคลิปที่ผู้เสียหายถ่ายเอาไว้ ซึ่งตนมีอาชีพขายพวงมาลัยและเช็ดกระจกรถที่สี่แยกนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 12.00 น. ผู้เสียหายได้ขับรถเข้ามาจอดติดไฟแดงที่สี่แยก ตนจึงเดินไปเช็ดกระจกรถให้เพื่อหวังได้เงิน แต่เมื่อเช็ดกระจกรถเสร็จผู้เสียหายกลับทำท่าโบกมือไล่ ทั้งที่ก่อนจะเช็ดกระจกเขาก็เห็นว่าตนมาเช็ดกระจกรถให้ ตนจึงพูดไปว่าถ้าไม่ให้เช็ดก็น่าจะบอกกันดีๆ เขาก็ทำท่าทางไม่พอใจเปิดประตูลงจากรถมาพูดว่า มาลบเลย
“เป็นจังหวะเดียวกันที่สัญญาณไฟเป็นสีเขียวพอดี ตนจึงข้ามกลับมาที่ริมถนนแต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมขับรถออกไปทำให้รถติดมาก ตนจึงขึ้นรถจักรยานยนต์ขับเข้าไปยกมือบอกว่าให้ไปได้แล้ว หลังจากนั้นเขาถึงจะขับรถออกไป ซึ่งตนยืนยันว่าวันเกิดเหตุไม่ได้มีอาวุธอะไรติดตัวไปแต่อย่างใด ซึ่งก็อยากจะขอโทษทางผู้เสียหายที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ยอมรับว่าตนใช้อารมณ์มากไป”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายนายอนุชิตแต่ไม่พบสารเสพติด ก่อนจะแจ้งข้อหาก่อให้เกิดความเดือดร้อน รำคาญต่อผู้อื่นในที่สาธารณะ มีโทษปรับ 1,000 บาท
